ปี 2560 คือปีที่ Nike จะกลับมามีบทบาทในวงการกีฬาอีกครั้ง หลังจากสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์กีฬาให้กับ Under Armour ในเรื่องสินค้ากลุ่ม Performance และ Adidas ในกลุ่มสินค้า Fashion แต่จะกลับมาอย่างไร ลองมาศึกษามุมมองของ Christian Buss และทีมนักวิเคราะห์ของ Credit Suisse กัน
สินค้าใหม่ในรอบ 5 ปีคือปัจจัยหลัก
ในปีนี้ Nike วางแผนที่จะเปิดตัว Air VaporMax รองเท้าวิ่งที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ที่ทำให้มีน้ำหนักเบาที่สุดตั้งแต่ที่รองเท้าตระกูล Air Max ผลิตมาเมื่อปี 2530 และถือเป็นครั้งแรกที่ยักษ์อุปกรณ์กีฬารายนี้ทิ้งช่วงห่างเทคโนโลยีใหม่ของรองเท้ากีฬาถึง 5 ปี เพราะตั้งแต่ปี 2547 ก็จะส่งเทคโนโลยีใหม่ออกปี 2 ปีครั้ง
ทำราคาออกมาให้แข่งขันกับตลาดได้
มีช่วงหนึ่ง Nike ตัดสินใจยกระดับราคารองเท้ากีฬาของแบรนด์ให้สูงขึ้นเป็น 160-200 ดอลลาร์ จากเดิมอยู่ที่ 120-150 ดอลลาร์ เพราะอยากยกระดับสินค้าให้ Premium มากขึ้น แต่การทำแบบนี้ทำให้ทางแบรนด์ไม่สามารถตีตลาดกลุ่มสินค้าระดับกลางได้ จนในที่สุดรองเท้ารุ่นใหม่ๆ ในปีนี้น่าจะมีการปรับราคาลงมาให้เข้าถึงในวงกว้าง
ดึงคนดังเข้ามาช่วยสื่อสารแบรนด์
Nike เป็นอีกแบรนด์ที่สนับสนุนนักกีฬา หรือทีมกีฬาเบอร์ต้นๆ ของโลก แต่ในฝั่งดารานักแสดง และคนดัง รวมถึงผู้มีชื่อเสียงนั้นด้อยลงไปมากเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง จึงเชื่อว่าปีนี้น่าจะได้เห็นศิลปินเข้ามาช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อทำให้ตัวสินค้าจับตลาด Lifestyle ได้ดีขึ้น
NBA กับการเห็นแบรนด์กว่า 2,000 ชม.
ล่าสุดทาง Nike ได้เข้าเป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเสื้อทีม รวมถึงสินค้าต่างๆ ของลีกบาสเก็ตบอล NBA ประจำฤดูกาล 2017-2018 หลังจากชนะคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Adidas มาได้ ซึ่งดีลนี้ทำให้ Nike สามารถสื่อสารแบรนด์ไปยังผู้บริโภคผ่านสัญลักษณ์บนเสื้อทีมได้กว่า 2,000 ชม. การถ่ายทอดสด
คู่แข่งฝั่ง Performance เริ่มหมดแรง
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คู่แข่งหน้าใหม่อย่าง Under Armour ที่ก่อนหน้านี้ทำสินค้าฝั่ง Performance และผลิตรองเท้ากีฬา โดยเฉพาะรองเท้าบาสเก็ตบอลเข้ามาแข่งกับ Nike โดยตรง แต่ตอนนี้แบรนด์ดังกล่าวเริ่มเสื่อมความนิยม รวมถึงรองเท้าตระกูล Curry ที่สวมใส่โดย Stephen Curry ก็ดูจะได้รับความนิยมลดลงด้วยตามฟอร์มของตัวนักกีฬาเอง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา