หลัง Joe Biden ชูนโยบาย made in all of America เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้มีการลงทุนกับภาคการผลิตในประเทศภายใต้นโยบาย buy American ตอนนี้เขาทำตามสัญญาแล้ว
สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ เขาก็เริ่มงานด้วยการจัดการควบคุมโควิดระบาดก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยมาตรการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและวันนี้ก็ถึงเวลากลับมาสร้างกระดูกสันหลังของชาติอเมริกันให้แข็งแกร่ง ทั้งภาคการผลิต แรงงาน และชนชั้นกลาง
ก่อนหน้านี้ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ถือเป็นกลไกหลักในการสร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศ ตอนนี้สหรัฐฯ กำลังจะกลับมาใช้นโยบายผลิตในอเมริกา (Made in America) ใช้เงินจากผู้เสียภาษีเพื่อสร้างชาติอเมริกันอีกครั้ง เราจะซื้อสินค้าอเมริกันและสนับสนุนงานอเมริกัน เพื่อแรงงานอเมริกัน Biden ระบุว่าในทุกๆ ปี สหรัฐฯ จะใช้จ่ายเงินราวๆ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 17 ล้านล้านบาทเพื่อการจัดซื้อ ต่อจากนี้ เงินที่ใช้จ่ายเพื่อการจัดซื้อก็เพื่อการสนับสนุนงานให้กับคนอเมริกัน เพื่อธุรกิจอเมริกัน
ปี 2018 แค่ปีเดียว รัฐบาลใช้จ่ายเงินสำหรับกระทรวงกลาโหมไปราว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ กับผู้ผลิตซึ่งเป็นคู่สัญญาจากต่างประเทศ เกือบ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หมดไปกับเครื่องยนต์และยานพาหนะจากต่างประเทศแทนที่จะมาจากบริษัทอเมริกันเอง ภายใต้การบริหารดังกล่าว รัฐเซ็นสัญญากับบริษัทต่างประเทศเพิ่มขึ้น 30% ทั้งหมดนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลง
สิ่งแรกที่ Biden มุ่งทำคือ Build Back Better Recovery Plan คือการลงทุนกับแรงงานอเมริกันมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวให้ดีขึ้น ต้องมีการจัดซื้อสินค้าอเมริกันมากขึ้น ภายใต้แผนนี้ สหรัฐฯ จะลงทุนนับแสนล้านเหรียญสหรัฐเพื่อให้ซื้อสินค้าอเมริกัน วัตถุดิบที่ผลิตจากอเมริกา สหรัฐฯ จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น ต้องมีการจ้างงานนับล้านตำแหน่ง ใช้สินค้าจากอเมริกัน เทคโนโลยีอเมริกัน
สหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อให้มีการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น สหรัฐฯ จะลงทุนอย่างหนักเพื่อการวิจัยและพัฒนานับแสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อทำให้นวัตกรรมของสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ทั้งเทคโนโลยีแบตเตอรี AI ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้าะผลิตในอเมริกาโดยคนอเมริกัน เพื่อให้เกิดการสร้างงานนับล้านตำแหน่งทั้งในส่วนของยานยนต์และพลังงานสะอาด
การลงนามคำสั่งพิเศษ Buy American จะมีการพัฒนาเงื่อนไขในการจัดซื้อมากขึ้น เช่น ถ้าซื้อยานพาหนะมาใช้งานในภาครัฐ ต้องมีการแสดงรายละเอียดให้เห็นว่า ชิ้นส่วนประกอบยานยนต์นั้นเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาอย่างน้อย 50% แค่เพียง 50% ก็ถือว่าอยู่ในอัตราที่เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนและปรับกฎหมายการค้าระหว่างประเทศให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งก็รวมทั้งการจัดซื้อของภาครัฐ เพื่อรับรองว่าเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ทำได้
I believe there’s no greater economic engine in the world than the hard work and ingenuity of the American people. Today’s Buy American Executive Order will invest in the future of American industry and ensure workers are treated with the dignity and respect they deserve. pic.twitter.com/WzaMJgDCNW
— President Biden (@POTUS) January 25, 2021
จากการลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีดังกล่าว เพื่อให้สหรัฐฯ ทำเพื่ออนาคตของอเมริกาและเพื่อคนงานอเมริกาให้มั่นคง มั่งคั่งมากยิ่งขึ้น สรุปได้ ดังนี้
- การจัดซื้อของภาครัฐ จะต้องมีการจัดซื้อที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ และบริการที่มาจากการผลิตในอเมริกา บริษัทอเมริกา เพื่อช่วยธุรกิจและสร้างงานให้คนอเมริกันเพิ่มมากขึ้น อย่างน้อยอยู่ในอัตรา 50% ขึ้นไป
- กฎหมายผลิตในอเมริกา (Made in America Laws) นี้ ใช้เป็นกฎเกณฑ์ นโยบายเพื่อทำให้เกิดการซื้อสินค้าของอเมริกาเพื่อคนอเมริกันเพิ่มมากขึ้น
- สำนักงานการบริหารและงบประมาณของสหรัฐ (OMB) ต้องจัดตั้งคณะทำงาน Made in America Office ขึ้น โดยมีผู้อำนวยการ OMB เป็นคนแต่งตั้งผู้อำนวยการ Made in America ขึ้นมา ภายในระยะเวลา 45 วัน, เผยแพร่ข้อมูล Made in America ภายใน 15 วันทำการ, นำกฎหมาย Buy American Act 1933 มาใช้ (เป็นกฎหมายตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีฮูเวอร์ บังคับใช้ 3 มีนาคม ปี 1933 เพื่อสนับสนุนให้คนใช้สินค้าที่ผลิตโดยอเมริกา) หลังประกาศคำสั่งพิเศษจากนี้ภายใน 180 วันต้องปรับแก้ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
- ไบเดนประกาศ รถยนต์ทุกคันของรัฐบาลต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น รถยนต์ของรัฐบาลกลางจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดและรถยนต์ไฟฟ้าทุกคันจะต้องผลิตในสหรัฐอเมริกาด้วยแรงงานของคนอเมริกัน
- ไบเดนชูนโยบาย Made in all of America และ Buy American สานประโยชน์ทุกกลุ่ม ทุกสีผิว
ที่มา – The White House (1), (2), Build Back Better
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา