นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินในเนเธอร์แลนด์อย่าง ABN AMRO ชี้ว่าความสัมพันธ์ของสหรัฐ-จีน จะไม่ต่างกับสมัยทรัมป์ ยกเว้นวิธีการดำเนินการของรัฐบาลของโจ ไบเดนนั้นจะเป็นแนวทางหาพันธมิตรเพิ่มเพื่อที่จะกดดันจีน
ทีมนักวิเคราะห์ของ ABN AMRO สถาบันการเงินจากเนเธอร์แลนด์วิเคราะห์ว่า แม้สหรัฐอเมริกาจะได้ประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่าง โจ ไบเดน แล้วก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนจะยังคงเหมือนกับในช่วงของการบริหารในสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากผู้แทนของทั้ง 2 พรรคไม่ว่าจะเป็นทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน ต่างก็เห็นถึงความกังวลของจีนเหมือนกัน
ในบทวิเคราะห์ของสถาบันการเงินจากเนเธอร์แลนด์ยังชี้ว่า สิ่งที่พรรคเดโมแครตกังวลมากที่สุดคือเรื่องของการร่วมมือในทางยุทธศาสตร์ รวมถึงสิทธิมนุษยชนในจีน โดยคาดว่ารัฐบาลของโจ ไบเดน จะมีความร่วมมือกับพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็จะหามิตรใหม่ๆ เพิ่ม เพื่อที่จะกดดันจีนมากขึ้น แต่อาจมีความร่วมมือบางอย่างกับจีน เช่น การปกป้องโลกจากสภาวะโลกร้อน หรือการให้สถาบันการเงินในสหรัฐเข้าไปลงทุนในจีน ฯลฯ
ABN AMRO ยังมองว่าการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนจะยังดำเนินต่อไป ในบทวิเคราะห์เองยังมองว่าการย้ายฐานการผลิตนั้นอาจเป็นผลดีทำให้ไม่ต้องอาศัยสหรัฐอเมริกา-จีน เป็นศูนย์กลางของโลกเสียด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจไม่ได้ทำให้จีนโดดเดี่ยวจากห่วงโซ่การผลิต แต่มองว่าหลังจากนี้ห่วงโซ่การผลิตจะแข็งแกร่งกว่าในอดีตเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความร่วมมือ RCEP
นอกจากนี้ยังมองว่าสหรัฐจะไม่ใช้สงครามในการขึ้นภาษีทางการค้ากับจีนอีกต่อไป แต่จะใช้เรื่องการกดดันจีนผ่านการลงทุนของประเทศต่างๆ ทำได้ยากมากขึ้น ขณะเดียวกันสหรัฐก็จะอาจหาทางที่จะพยายามตัดตอนโครงสร้างของจีนในหลายๆ เรื่องเพิ่มมากขึ้น เช่น อาจมีการคว่ำบาตรในกรณีต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างกับวิธีการของทรัมป์ ที่สร้างความตะลึงให้กับเศรษฐกิจภาพใหญ่ รวมถึงตลาดการเงินที่ตกใจจากวิธีการทรัมป์
โดย ABN AMRO คาดว่า GDP ของจีนในปี 2021 นี้จะเติบโตที่ 8.5% และในปี 2022 ที่ 5.5%
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา