6 เรื่องที่ต้องรู้ตอน “สมัครงาน” คนแบบไหนที่องค์กรอยากคว้ามาร่วมทีม?

photo : pixabay

ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้วงการ HR พบกับความท้าทายมากมายเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home จากที่เป็น Benefit ก็กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว สวัสดิการบางอย่างที่เปลี่ยนไป รวมทั้งความคาดหวังต่อผู้ที่จะเข้ามาร่วมทีมกับองค์กรเองก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันเพราะหลายธุรกิจมีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น พนักงานที่เข้ามาใหม่อาจจะต้องปรับตัวให้ทันและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงนี้ รวมทั้งความรู้ความสามารถที่ติดตัวมาอาจจะไม่ได้เฉพาะ Hard Skill แต่ Soft Skill ก็ต้องมาควบคู่กัน 

 

6 เรื่องที่ต้องรู้ตอน “สมัครงาน” คนแบบไหนที่องค์กรอยากคว้ามาร่วมทีม

Resume/Porfolio อ่านง่าย ไฟล์ไม่หนัก

Photo : pixabay

ด่านแรกที่องค์กรจะรู้จักตัวเรานั่นก็คือ Resume แนะนำว่านอกจากอัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและดีไซน์หน้าตาให้เหมาะสม อ่านง่าย ไฟล์ยังต้องไม่หนักจนเปิดยากด้วยนะ หลายคนคิดว่า Export ด้วยความละเอียดสูงน่าจะดีกว่า แต่นั่นกลายเป็นว่าทำให้ฝั่ง HR เปิดดู Resume ของเรายากขึ้นไปอีก ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับการทำ Portfolio มากกว่า Resume เพราะต้องใส่ผลงานที่ผ่านมารวมถึงรูปภาพค่อนข้างเยอะในหนึ่งไฟล์ ทำให้บางครั้งตัวไฟล์มีขนาดใหญ่และเปิดยาก ซึ่งก่อนส่งให้กับ HR แนะนำว่าลองเปิดดูก่อนนะ 

สัมภาษณ์แบบออนไลน์

Photo : pixabay

ก่อนหน้านี้การสัมภาษณ์งานหรือการเข้าร่วม meeting ผ่านโปรแกรม Video Conference ค่อนข้างถูกมองว่าไกลตัว เพราะเราสามารถเดินทางไปพบหน้ากันได้ แต่เมื่อการแพร่ระบาดของโควิด 19 หนักมากขึ้น ก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงมาใช้การสัมภาษณ์แบบออนไลน์มากขึ้นบางองค์กรใช้เป็นมาตรฐานเลยว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ออนไลน์ 100% ดังนั้นก่อนจะทำการเข้าสัมภาษณ์นอกจากคนพร้อม อุปกรณ์ก็ต้องพร้อมด้วยเช่น ใช้โปรแกรมอะไรในการเข้าสัมภาษณ์ แสงสว่างในห้องเพียบพอหรือไม่ Webcam และ Microphone ใช้ได้ดีหรือไม่ เสียขาดหายระหว่างทางหรือไม่ เพราะเราคงไม่ต้องการที่จะมาปรับ Setting ระหว่างที่ทำการสัมภาษณ์อย่างแน่นอน รวมทั้งหากต้องมีการ Screen Sharing ต้องเช็คให้มั่นใจว่าเรา Setting ตรงจุดนี้ไว้แล้ว นอกจากนี้ยังต้องควบคุมเสียงรบกวนที่อาจจะแทรกเข้ามาได้ตลอดเวลา 

Hard Skill แม่น Soft Skill แน่น

Photo : pixabay

แน่นอนว่าการที่องค์กรรับคนหนึ่งคนก็ต้องคาดหวังให้นำความรู้ความสามารถออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และพัฒนาไปพร้อมกับทีม และสร้างคววามสำเร็จร่วมกับองค์กร แต่การจะนำความรู้ความสามารถหรือ Hard Skill มาใช้ได้อย่างเต็มที่นั้น จำเป็นต้องมี Soft Skill หรือทักษะทางอารมณ์และสังคม ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), การบริหารจัดการเวลา (Time Management), การทำงานร่วมกับผู้อื่น(Collaboration), ความยืดหยุ่นและปรับตัว(Flexibility and Adaptability), ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) เป็นต้น ในบางองค์กรจะมีการทดสอบทักษะเหล่านี้ในช่วงของการสัมภาษณ์อีกด้วย ดังนั้นการสำรวจว่ามี Soft Skills จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

เข้าใจว่าองค์กรนี้อยู่ในกลุ่มธุรกิจใด ทำอะไร มีที่มาอย่างไร

Photo : pixabay

การเข้าใจองค์กรที่เรากำลังจะสัมภาษณ์จะทำให้เรามองภาพรวมของบริษัทได้ชัดมากขึ้น รวมถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารด้วยว่าจะมุ่งหน้าพาองค์กรไปข้างหน้าอย่างไร จะมีการพัฒนา ขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางใดท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและโรคระบาดแบบนี้ หลายคนมองข้ามข้อนี้ไปเพราะคิดว่าเราเป็นเพียงพนักงาน เป็นเฟืองตัวเล็กๆ แต่หากเราไม่เข้าใจภาพรวมของบริษัทแต่เนิ่นๆ อาจทำให้การทำงานระหว่างทางเกิดความไม่เข้าใจได้ง่าย รวมถึงภาพรวมขององค์กร จะสะท้อนตัวตนของพนักงานที่ทำงานอยู่ ดังนั้น รู้จักกันไว้จะยิ่งทำให้เข้าใจกันมากขึ้นนะ

ตั้งใจทำการบ้าน ข้อสอบอย่างเต็มที่ 

Photo : pixabay

นอกจาก Resume ที่อธิบายความเป็นตัวตน ความสามารถ ผลงาน ของเราแล้ว การบ้านหรือข้อสอบที่องค์กรมอบหมายให้ผู้สมัครทำก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่องค์จะใช้ตัดสินว่าคุณจะมีโอกาสได้ร่วมงานหรือไม่ ส่วนใหญ่การบ้านหรือข้อสอบมักจะเป็นงานที่ตำแหน่งที่คุณสมัครนั้นทำกันจริงๆ ส่งให้ลูกค้าหรือนำเสนอต่อสาธารณะจริงๆ ดังนั้นอยากให้คิดว่าทุกงานที่เข้ามาหาเราเราต้องทำเต็มความสามารถ ไม่กั๊ก ไม่มารีบทำวันสุดท้ายก่อนส่งเพราะนอกจากจะมีโอกาสพลาดงานแล้ว อาจจะทำให้ถูกปัดตกหากคุณกลับมาสมัครที่เดิมอีกครั้งหนึ่ง 

“สุดท้ายนี้มีคำถามอะไรที่อยากถามหรือไม่?”

Photo : pixabay

อาจจะเป็นประโยคที่คุ้นหูคนที่เคยสัมภาษณ์งานมาบ้างแล้ว แต่สำหรับหลายคนที่เพิ่งเคยสมัครงาน หรือย้ายงานเป็นครั้งแรกอาจจะต้องทำการบ้านจุดนี้หนักหน่อย เพราะไม่ใช่เพียงแค่เป็นคำถามวัดว่าผู้สมัครสนใจหรือตั้งใจที่จะสมัครเข้าบริษัทนี้แค่ไหน แต่ชุกคำถามที่ผู้สมัครถามมา ทางผู้สัมภาษณ์จะใช้วัดทักษะการตอบโต้และตั้งคำถาม รวมถึงวิเคราะห์ว่าคุณต้องการอะไรจากองค์กร และอยากให้องค์กรสนับสนุนผู้สมัครในด้านใด หากไม่มีคำถามเลยคงจะเป็นเรื่องแย่แน่ๆ เพราะหลายองค์กรมักจใช้เวลาตรงนี้ในการเรียนรู้ผู้สมัครมากยิ่งขึ้น บางครั้งคำถามอาจจะไม่ใช่เรื่องราวเกี่ยวกับงานโดยตรงก็ได้เพื่อเป็นการวัดความเข้ากันได้ของผู้สมัครและองค์กร บางคนมารู้ตัวเอาที่หลังก็มีแต่เสียเวลากันเปล่าๆ 

องค์กรไม่ได้ต้องการคนเก่งเพียงอย่างเดียว เพราะความสามารถหลายอย่างสามารถเรียนรู้ไปพร้อมกับองค์กรได้ แต่ทักษะบางอย่างอาจจะใช้เวลานานในการเรียนรู้และปรับตัว ยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไป แม้เพียงทักษะและความสามารถก็อาจะไม่เพียงพอที่จะดึงดูดองค์กรให้มาสนใจเรา ดังนั้นก่อนจะทำการเริ่มสมัครงานและสัมภาษณ์อยากให้เตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นและหวังว่าคุณจะได้รับข่าวดีในไม่ช้า

ที่มา: THE GROWTH MASTER, Adaptivity, SEEK Career Advice

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา