เปิด 5 เหตุผลที่ว่า ใช้โนเกียสมาร์ทโฟนแล้วดีอย่างไร? ใช้ระบบปฏิบัติการ Android One ที่ไม่ลอยแพการอัปเกรด

เปิดกลยุทธ์การทำตลาด Nokia ที่หวนคืนตลาดสมาร์ทโฟนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาเล่นๆ ขอเวลา 5 ปี จะกลับมาทวงบัลลังก์ให้ได้ ตอกย้ำภาพสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ยังคง DNA ทนทาน คุ้มค่า เน้นใช้งาน พร้อมกับหลายเหตุผลที่คุณควรลองใช้โนเกียสมาร์ทโฟน

  1. ตอกย้ำ DNA “ทนทาน คุ้มค่า เน้นใช้งาน”

ถ้าพูดถึงชื่อแบรนด์มือถือ Nokia เชื่อว่าทุกคนเคยมีประสบการณ์ในการใช้มือถือแบรนด์นี้มาก่อนอย่างแน่นอน ย้อนกลับไป หลาย 10 ปีที่แล้ว Nokia เป็นแบรนด์มือถือโด่งดังมาก ครองอันดับ 1 มาตลอด สร้างปรากฎการณ์ Nokia 3310 ครองเมืองได้ ยากที่จะ มีแบรนด์อื่นมาโค่นบัลลังก์

แต่เมื่อเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนถูกแทนที่ด้วยสมาร์ทโฟน Nokia ที่เคยเป็นเบอร์ 1 กลับถูกแบรนด์อื่นตีตลาด จนถึงช่วงหนึ่งที่มือถือ Nokia ต้องถอยทัพแล้วหาตัวตนของตัวเองใหม่เป็นระบบปฏิบัติการวินโดว์โฟน แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานแบรนด์อื่นในตลาด

ธนเดช ช่วงแก้ววิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล ได้เริ่มเล่าถึงการกลับมาของ Nokia ว่า

“ปัจจุบัน Nokia ได้กลับมาทำตลาดสมาร์ทโฟนใหม่อีกครั้ง พร้อมกับบ้านใหม่ HMD Global Oy เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติฟินแลนด์ ก่อตั้งเมื่อปี 2016 ที่ได้รับสิทธิ์ได้ใช้ไลเซนต์ของ Nokia ให้เป็นผู้ผลิต ดีไซน์ จัดจำหน่าย ดูแลแบรนด์ที่เป็นมือถือทั้งหมด ซึ่งโครงสร้างของ HMD Global Oy ได้มีผู้บริหารเก่าของ Nokia ได้กลับมารวมตัวอีกครั้ง แต่สิ่งที่แตกต่างจากในอดีตคือ การทำงานแบบสตาร์ทอัพที่จะคล่องตัวกว่าการทำงานแบบเดิม และตอนนี้ HMD Global Oy ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่มีความมั่นคง และมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ”

มือถือแบรนด์ Nokia ได้หวนเข้าสู่สังเวียนสมาร์ทโฟนครั้งใหม่ได้ 3 ปีแล้ว การกลับมาครั้งนี้ Nokia มีสิ่งที่ทำให้ทุกคนหลงรักได้อีกแน่นอน จุดเด่นที่สำคัญของมือถือ Nokia ที่ทุกคนยังจดจำได้เป็นอย่างดีคือ ความทนทาน คุ้มค่า คุ้มราคา เน้นใช้งาน เพราะฉะนั้นมือถือแบรนด์ Nokia ก็ยังคง DNA “ทนทาน คุ้มค่า เน้นการใช้งาน” ไว้ในเครื่องอยู่ แต่พิเศษเพิ่มขึ้น คือ ซอฟต์แวร์ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้สมาร์ทโฟนให้ใช้งานได้นานมากขึ้น

ด้วยความที่มือถือแบรนด์ Nokia เป็นแบรนด์จากยุโรป ตลาดที่สำคัญส่วนใหญ่จึงเน้นที่โซนยุโรป แต่ในโซนเอเชียแปซิฟิกก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน จะมีการให้น้ำหนักที่ 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย, เวียดนาม และไทย ถ้าพูดถึงประเทศไทย เป็นประเทศยุทธศาสตร์สำหรับมือถือแบรนด์ Nokia เลยทีเดียว เห็นได้จากการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ จะเปิดตัวพร้อมกับระดับโกลบอล หรือเปิดหลังเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น

ตอนนี้มือถือแบรนด์ Nokia มีไลน์อัพสินค้าที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ของผู้บริโภค ตั้งแต่ฟีเจอร์โฟนโทรศัพท์ที่มีปุ่มกด ส่วน สมาร์ทโฟนก็มี 3 ระดับตั้งแต่ระดับ Low Entry series มี 3 รุ่น ได้แก่ Nokia 1, Nokia 2, Nokia 3 สำหรับคนเริ่มเล่นสมาร์ทโฟน ฟังก์ชั่นไม่เยอะมาก

ระดับ Mid-Tier series หรือระดับกลาง มี 3 รุ่น ได้แก่ Nokia 4, Nokia 5, Nokia 6 เป็นรุ่นที่มีสเปกดีขึ้น เน้นความบันเทิง ไปจนถึงรุ่น Mid-Range Flagship series ได้แก่ รุ่น Nokia 7+ และ Nokia 8.1 มีราคาระดับหมื่นต้นๆ เน้นฟีเจอร์ถ่ายภาพที่เป็นฟังก์ชั่นยอดนิยมของผู้บริโภค และ flagship ที่ได้เปิดตัวไป Nokia 9 PureView สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับนวัตกรรมกล้องหลัง 5 ตัว ด้วยเลนส์จาก Zeiss Optics และเทคโนโลยี Computational Imaging รุ่นใหม่ล่าสุด ให้ได้ภาพที่คมชัดทุกสภาพแสง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอระดับมือโปร

  1. ใช้ระบบปฏิบัติการเพียวแอนดรอยด์จาก Android One ตัวเดียวกับ Google Pixel

จุดเด่นที่สำคัญของโนเกียสมาร์ทโฟน ก็คือ การเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ซึ่งทางมือถือแบรนด์ Nokia ได้เข้าร่วมโครงการ Android One กับทางกูเกิลทำให้มือถือแบรนด์ Nokia เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการเพียวแอนดรอยด์ ซึ่งถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ดีที่สุดและตัวเดียวกันกับ Google Pixel เป็นระบบแอนดรอยด์ที่ไม่ได้ถูกการดัดแปลง หรือลดฟังก์ชั่นบางอย่างลงไป ไม่ว่าสมาร์ทโฟนระดับไหนของมือถือแบรนด์ Nokia ก็ใช้เพียว แอนดรอยด์เหมือนกันหมด รวมถึงฮาร์ดแวร์ที่ได้การยอมรับว่ารองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ดีที่สุด

“Pixel เป็นสมาร์ทโฟนของกูเกิลมีราคาระดับ 20,000 บาทขึ้นไป ลองคิดภาพว่ามือถือแบรนด์ Nokia ได้เอาประสบการณ์ของซอฟต์แวร์ Google Pixel มาใส่ในเครื่องระดับราคา 2,000 บาทต้นๆ ได้เช่นกัน” ธนเดชกล่าว

  1. อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ และระบบความปลอดภัยจากแอนดรอยด์รุ่นล่าสุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ยิ่งใช้ยิ่งดีขึ้นทุกวัน”

นอกจากระบบปฏิบัติการที่เป็นเพียว แอนดรอยด์ที่ว่าเจ๋งแล้ว สิ่งที่มือถือแบรนด์ Nokia ให้ได้มากกว่าก็คือ คำมั่นสัญญาในเรื่องความปลอดภัย และการเพิ่มมูลค่าให้สมาร์ทโฟน ดั่งคอนเซ็ปต์ “ยิ่งใช้ ยิ่งดีขึ้นทุกวัน” โดยที่มือถือแบรนด์ Nokia ได้มีนโยบายว่าสมาร์ทโฟน Nokia ทุกรุ่นจะรองรับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ 2 เวอร์ชั่น รวมถึงการอัปเดตระบบความปลอดภัย รายเดือนได้ยาวนานถึง 3 ปี หรืออัปเดต ทุกๆ 30 วัน ซึ่งเร็วกว่ามาตรฐานที่ทางกูเกิลกำหนดไว้ที่ 60 วัน

“คอนเซ็ปต์ ยิ่งใช้ ยิ่งดีขึ้นทุกวัน เป็นแนวคิดของการสร้างแบรนด์และผลิตภัณฑ์ให้แข็งแกร่งมากขึ้น ปีนี้จะให้น้ำหนักตรงนี้เป็นพิเศษ”

คอนเซ็ปต์นี้เกิดจากการที่ว่ามีงานวิจัยระดับโลกกล่าวไว้ว่า “ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักไม่พอใจที่สมาร์ทโฟนของพวกเขาตกรุ่นลงไปทุกวันๆ โดยไม่สามารถอัปเดตระบบได้ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนของผู้บริโภค ทำให้การใช้งานไม่มีความปลอดภัย เกิดความผิดพลาด และไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ จากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ใช้อยู่เดิมได้”

มือถือแบรนด์ Nokia จึงสร้างจุดแข็งด้วยการการันตีเรื่องการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ 2 เวอร์ชั่นให้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น อธิบายง่ายๆ ก็คือ ลูกค้ามีสมาร์ทโฟน Nokia แค่เครื่องเดียวแต่สามารถใช้งานได้ถึง 3 ปี และที่สำคัญซอฟต์แวร์มีการอัปเกรด ก็ทำให้เครื่องมีความปลอดภัย มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาอยู่เสมอ

ธนเดชยกตัวอย่างรุ่น Nokia 3, Nokia 5 และ Nokia 6 ที่ได้เปิดตัวเมื่อกลางปี 2017 แต่ตอนนี้ 3 รุ่นนี้ก็ได้รับการอัปเกรดเป็น Android 9 Pie เวอร์ชั่นล่าสุดแล้วเรียบร้อย ซึ่ง Android 9 Pie มีคุณสมบัติโดดเด่นเรื่อง AI ที่เรียนรู้การใช้งาน และ ช่วยปรับการ ทำงานของแบตเตอรี่ให้เหมาะกับการทำงาน ทำให้เครื่องใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

“ใจความสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ ต้องการให้ลูกค้าเห็นว่ายิ่งใช้สมาร์ทโฟน Nokia แล้วยิ่งใช้ดีขึ้นทุกวัน ถึงแม้ซื้อมานานก็ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะเก่า เครื่องจะตกรุ่น โดนลอยแพ ในทางกลับกันคือได้มูลค่ามากขึ้น คุณภาพของซอฟต์แวร์ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นจะไม่มีการอัปเกรดซอฟต์แวร์ให้ และสมาร์ทโฟน Nokia ต้องการสร้าง ความแตกต่างในตลาดด้วย อาทิ แบรนด์อื่นๆ จะเน้นพูดเรื่องสเปกสินค้า แต่โนเกียสมาร์ทโฟน เน้นพูดเรื่องประโยชน์การใช้งาน เราเชื่อว่าจะสร้างการเติบโตในระยะยาวได้ดีกว่า”

  1. ขอเวลา 5 ปี ขอทวงบัลลังก์ตลาดในไทยอีกครั้ง

เมื่อครั้งหนึ่งมือถือแบรนด์ Nokia เคยเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง ถ้าถามว่าการกลับมาครั้งนี้ มีความหวังในการขึ้นเบอร์หนึ่งอีกครั้งหรือไม่ แน่นอนว่าต้องมีความหวังแน่นอน แต่ต้องใช้เวลาในการสื่อสารกับผู้บริโภคก่อนว่าสมาร์ทโฟน Nokia ยิ่งใช้ยิ่งดีขึ้นทุกวัน และพื้นฐานคนไทยยังชื่นชอบ และผูกพันกับแบรนด์มือถือ Nokia อยู่แล้ว เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เขากลับมาใช้งานเหมือนเดิมได้

“การจะกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งอีกครั้งต้องใช้เวลา 3-5 ปี ใช้เวลาสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคต้องทำให้เห็นว่า ยิ่งใช้ยิ่งดีขึ้น ทุกวันอย่างไร เวลาจะพิสูจน์ได้ว่าเราให้ได้ตามคำสัญญาได้หรือไม่ ตอนแรกที่เปิดซีรีส์ Nokia 3, Nokia 5, Nokia 6 ช่วงปี 2017 เราพูดเรื่องนี้ แต่คนยังไม่เห็นมูลค่าที่ชัดเจน ตอนนี้ผ่านไป 2 ปีแล้ว เราทำได้ในสิ่งที่พูด อีกทั้งยังได้รับความเห็นและความสนใจในแง่ของการอัปเกรดซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้น”

ธนเดชเสริมว่า โจทย์ใหญ่ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ ต้องบอกลูกค้าว่าตอนนี้ Nokia มาพร้อมสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ที่ดีที่สุด เพราะหลายคนคงติดภาพเป็นฟีเจอร์โฟน หรือวินโดว์โฟนอยู่ รวมกับการสร้างสตอรี่ ยิ่งใช้ ยิ่งดีขึ้นทุกวัน เข้าไปเพื่อตอกย้ำ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งจากที่ทำผลวิจัยพบว่าแบรนด์ยังมีโอกาสอีกมาก เพราะ Nokia ไม่ใช่แบรนด์โนเนมที่เพิ่งเข้ามาเริ่มเล่น แต่ต้องเปลี่ยนความคิดว่า Nokia ไม่ใช่ฟีเจอร์โฟน หรือวินโดว์โฟนแล้ว แต่เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุด

  1. เปิดตัวอีก 5 ซีรีส์ เฉพาะช่องทางออนไลน์!

โดยปกติแล้วแบรนด์มือถือ Nokia มีการเปิดตัวสินค้าเฉลี่ยปีละ 12 รุ่น ในช่วงเดือนกรกฎาคม ได้ขนไลน์อัพสินค้า 5 ซีรีส์ รวม 6 รุ่น ในประเทศไทย ขายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้นโดยจับมือร่วมกับ Shopee

เริ่มตั้งแต่รุ่น Nokia 2.2, Nokia 3.2, Nokia 4.2, Nokia 8.1 และพระเอกเด่นก็คือ Nokia 9 PureView เป็นสมาร์ทโฟน เครื่องแรกของโลก มีกล้องหลังถึง 5 ตัว รุ่นนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Mobile World Congress เมื่อต้นปีที่ผ่านมาซึ่งประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้าประเทศใด เป็นประเทศที่ 3 ในโซนเอเชียแปซิฟิกที่จำหน่ายต่อจากประเทศออสเตรเลีย และฮ่องกง ถือเป็นการตอกย้ำภาพว่าไทยเป็นประเทศสำคัญ

จากสิ่งที่แบรนด์ได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ทำให้ตอนนี้ Nokia ก้าวขึ้นสู่แบรนด์สมาร์ทโฟน ระดับท็อป 5 ในตลาดหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงภูมิภาคที่สำคัญเช่น ยุโรปตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และรัสเซีย

ในปี 2018 ที่ผ่านมา มือถือแบรนด์ Nokia สามารถเพิ่มฐานผู้ใช้งานขึ้นเป็น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนอันดับ 1 ของโลก ทั้งด้านยอดขายและมูลค่ารวมที่ผ่านมา ปัจจุบันมือถือแบรนด์ Nokia มีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 200,000 สาขาทั่วโลก ดำเนินการใน 80 ประเทศ และมีผู้ใช้งานบนแอปพลิเคชัน My Phone ของโนเกียกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน

สรุป

มือถือแบรนด์ Nokia ยังคงเป็นแบรนด์ในความทรงจำของใครหลายๆ คนอยู่ เชื่อว่าหลายๆ คนต้องมีความผูกพันกับแบรนด์ การกลับมาทำตลาดในครั้งนี้เรียกว่ามีการหาตัวตนของตัวเองได้ชัดเจน และจับจุดผู้บริโภคได้ลงตัว สร้างความแตกต่างในตลาดได้จากกลยุทธ์หลายๆ อย่าง จึงการันตีได้ว่า Nokia เป็นสมาร์ทโฟนเพียว แอนดรอยด์ที่ “ยิ่งใช้ ยิ่งดีขึ้นทุกวัน”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา