8 เรื่องราวกับ 10 ประเทศในอาเซียน ประเทศไหนติดอันดับดีที่สุด-แย่ที่สุด และไทยเป็นอย่างไร

การสำรวจสถิติต่างๆ ของแต่ละประเทศช่วยให้เข้าใจและเห็นมุมมองมิติใหม่ๆ ได้มากขึ้น ลองมาดูกันว่าสถิติเกี่ยวกับ 8 เรื่องต่อไปนี้ของ 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยติดอันดับเรื่องอะไรกันบ้าง บางเรื่องอาจจะมั่นใจว่าประเทศของตัวเองต้องเป็นอันดับ 1 แน่นอน แต่ผลที่ออกมาอาจจะทำให้แปลกใจก็ได้

1. การจราจร

ประเทศที่แย่ที่สุด: ไทย, อินโดนีเซีย

เรื่องแรกหลายคนอาจคิดว่า กรุงเทพ คืออันดับ 1 เมืองที่มีการจราจรแย่ที่สุดในอาเซียน ต้องบอกว่าจริงที่ว่าแย่แต่ไม่ใช่ที่สุด เพราะจากการวัดจำนวนชั่วโมงที่รถติดในช่วงเร่งด่วน ประเทศไทยอยู่ที่ 61 ชั่วโมง แต่อินโดนีเซียอยู่ที่ 74 ชั่วโมง และนั่นทำให้ จาการ์ตาเป็นเมืองที่การจราจรแย่ที่สุดในโลก ตามมาด้วย กรุงเทพ และมนิลา

ประเทศที่ดีที่สุด: สิงคโปร์, มาเลเซีย

ทั้งสองประเทศมีการ บริหารจัดการที่ดีในเรื่องการจราจร

2. ความยากจน

ประเทศที่แย่ที่สุด: เมียนมาร์, ฟิลิปปินส์

จากข้อมูล เมียนมาร์มีประชากร 25.6% มีฐานะยากจนต่ำกว่าเกณฑ์ ฟิลิปปินส์ ตามมาติดๆ ที่ 25.2% ตามด้วย ลาว 23.2% กัมพูชา 13.5% อินโดนีเซีย 11.2% ไทย 10.9% เวียดนาม 8.4% และมาเลเซีย 0.6%

ประเทศที่ดีที่สุด: สิงคโปร์, บรูไน

ไม่ต้องสงสัยที่ทั้ง 2 ประเทศ มีฐานะรวยที่สุดในภูมิภาคนี้

3. ค่าครองชีพ

ประเทศที่แย่ที่สุด: สิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าครองชีพแพงที่สุด ไม่ใช่แค่ในอาเซียนเท่านั้น แต่หมายถึงระดับโลก ส่วนกรุงเทพ ตามมาเป็นอันดับสองแบบห่างๆ (สิงคโปร์อยู่อันดับ 51 ส่วนไทยอยู่ 133 จากทั่วโลก)

ประเทศที่ดีที่สุด: มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และบรูไน

ตามสถิติ กัวลาลัมเปอร์ มีค่าครองชีพต่ำที่สุดในอาเซียน โดยเป็นอันดับที่ 96 ของโลก ต่ำกว่ามนิลา และบรูไน รวมถึงจาการ์ตา พนมเปญ และโฮจิมินห์ แต่ทั้งนี้ไม่มีข้อมูลของเมียนมาร์และลาว

4. การคอรัปชั่น

ประเทศที่แย่ที่สุด: อินโดนีเซีย, เมียนมาร์ และเวียดนาม

การสำรวจความกังวลใจเกี่ยวกับการคอรัปชั่น อินโดนีเซีย, เมียนมาร์ และเวียดนาม เป็นกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงสูงในการคอรัปชั่น ตามมาด้วยลาว ไทย กัมพูชา มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ถ้าดูจากอันดับแล้ว ไทยก็ตามมาเป็นอันดับ 5 ก็ถือว่าน่าเป็นห่วงเช่นกัน

ประเทศที่ดีที่สุด: สิงคโปร์, บรูไน

ถือเป็นประเทศที่มีปัญหาคอรัปชั่นน้อยที่สุด

5. สิทธิสตรี

ประเทศที่แย่ที่สุด: กัมพูชา, มาเลเซีย และบรูไน

มีการรณรงค์เรื่องสิทธิและเสรีภาพของสตรีอย่างมาก แต่หลายประเทศก็ยังมีปัญหาเรื่องนี้ กัมพูชามีช่องว่างทางเพศที่ใหญ่ที่สุดในด้านการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงด้านสุขภาพ, การศึกษา, การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ และอำนาจทางการเมือง โดยกัมพูชาอยู่อันดับที่ 112 จาก 144 ประเทศ ตามมาด้วยมาเลเซีย (106) บรูไน (103) ไทย (71) และ เวียดนาม (65)

ประเทศที่ดีที่สุด: ฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ติดท็อป 10 โดยอยู่อันดับ 7 ขณะอันดับ 2 คือ ลาว แต่อยู่อันดับที่ 43 ของโลก

6. การท่องเที่ยว

ประเทศที่แย่ที่สุด: บรูไน

มีสถิติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่แย่ที่สุดในภูมิภาคนี้ ตามมาด้วยเมียนมาร์, ลาว, กัมพูลา, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

ประเทศที่ดีที่สุด: ไทย, มาเลเซีย

เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย ไทย เป็นประเทศระดับท็อปเรื่องการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ (และมีอันดับดีในระดับโลกด้วย) โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีสูงที่สุด ตามมาด้วยมาเลเซีย สิงคโปร์และอินโดนีเซีย

7. อาชญากรรม

ประเทศที่แย่ที่สุด: อินโดนีเซีย, เวียดนาม และกรุงเทพ

ตามสถิติ จาการ์ตา เป็นเมืองที่ปลอดภัยน้อยที่สุดในเอเชีย ตามมาด้วย โฮจิมินห์, มุมไบ และเดลี ขณะที่กรุงเทพ ตามมาเป็นอันดับที่ 5 ซึ่งการสำรวจตัวชี้วัดกว่า 40 ประเภท เช่น ความปลอดภัยทางดิจิทัล, ความปลอดภัยทางสุขภาพ, ความปลอดภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงความปลอดภัยส่วนบุคคล

ประเทศที่ดีที่สุด: สิงคโปร์

ถ้าเทียบทั้งเอเชีย สิงคโปร์ปลอดภัยเป็นอันดับ 2 ตามหลังโตเกียว

8. พาสปอร์ต

ประเทศที่แย่ที่สุด: เมียนมาร์, ลาว, เวียดนาม และกัมพูชา

การวัดพลังของพาสปอร์ต โดยการดูว่าพาสปอร์ตสามารถเข้าประเทศใดได้บ้างโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่ง เมียนมาร์ เป็นประเทศที่พาสปอร์ตมีพลังน้อยที่สุด โดยสามารถเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 41 ประเทศ ขณะที่ลาวเข้าได้ 47 ประเทศ เวียดนามและกัมพูชา 49 ประเทศ อินโดนีเซีย 59 ประเทศ ฟิลิปินส์ 61 ประเทศ และไทย 72 ประเทศ

ประเทศที่ดีที่สุด: สิงคโปร์

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีพาสปอร์ตทรงพลังที่สุดในอาเซียน และทรงพลังเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยสามารถเข้าประเทศอื่น โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 159 ประเทศ ตามมาด้วยมาเลเซีย 156 ประเทศ และบรูไน 136 ประเทศ

source: http://www.rappler.com/world/regions/asia-pacific/167530-asean-traffic-crime-rankings

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา