Zen หรือ บมจ. เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป คือหนึ่งในธุรกิจร้านอาหารชั้นนำของประเทศไทย ผ่านรายได้ในปี 2565 กว่า 3,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% ทั้งมีกำไรสุทธิ 261 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 295% เป็นสถิติใหม่ของบริษัท
เหตุผลที่ Zen เติบโตขนาดนี้ เพราะปี 2565 มีการโหมขยายสาขาอย่างหนัก โดยเฉพาะกับร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น AKA ที่ขยายสาขากว่า 20 แห่ง หรือขยายสาขาเท่ากับจำนวนที่ต้นปี 2565 มีอยู่ราว 20 แห่ง
เป็นครั้งแรกที่ AKA ขยายสาขาไปอยู่ในไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่ง Zen มองว่าคือสาขาระดับเทียร์ 3 ทำไม Zen ถึงตัดสินใจเช่นนี้ และปี 2566 จะมีกลยุทธ์การเติบโตอย่างไร บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Zen เล่าให้ฟังดังนี้
Zen โหมสาขา พร้อมปรับโมเดลธุรกิจ
บุญยง เล่าให้ฟังว่า Zen เริ่มต้นธุรกิจร้านอาหารในปี 2534 และปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ แบ่งเป็นกลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารไทยอีสาน ซึ่งร้านทั้งหมดบริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง ประยุกต์จากความต้องการ และพฤติกรรมที่เปลี่ยนตามแต่ระยะเวลาของผู้บริโภค
สำหรับในปี 2566 บริษัทมีร้านอาหารทั้งหมด 345 สาขา เป็นการเปิดใหม่ทั้งหมด 45 สาขา มีร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น AKA เปิดมากที่สุดคิดเป็นกว่า 20 แห่ง หรือเท่ากับสาขาที่เปิดให้บริการเมื่อต้นปี 2565 โดยการเปิดใหม่มีทั้งร้านที่บริษัทลงทุนเอง และขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจ และมีการเข้าไปเปิดที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นครั้งแรก
นอกจากการเปิดสาขา Zen ยังยกระดับการทำธุรกิจให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านการลงทุนในธุรกิจจัดหาวัตถุดิบ พร้อมจำหน่ายสินค้าในช่องทางค้าปลีกทั่วไป ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้ทำให้ Zen เติบโตเป็นสถิติใหม่ในหลายมิติ เช่น รายได้รวม 3,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2564 กว่า 1,000 ล้านบาท
เติบโตก้าวกระโดดด้วยเป้าใหม่ 4,500 ล้านบาท
ปี 2566 Zen ตั้งเป้ารายได้ 4,500 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 30-40% โดยในปีนี้มีแผนขยายสาขาใหม่ของร้านอาหารต่าง ๆ กว่า 90 แห่ง เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากที่เปิดใหม่ในปี 2565 ภายใต้งบลงทุน 400 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งในนั้นเป็นงบการตลาด 100 ล้านบาท รวมถึงงบการลงทุนเรื่องเทคโนโลยี
“การเปิดสาขาจำนวนมากผมใช้แนวคิดเดียวกับ KFC ที่มองว่าทำสินค้าให้ราคาเหมาะสม ไม่ว่าจะไปเปิดให้บริการที่ศูนย์การค้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต หรือคอมมูนิตี้มอลล์ ถ้าของดีคนก็เข้ามาใช้บริการ ซึ่งกลุ่ม Zen ต้องการทำให้ได้อย่างนั้น และการลงไปลุยไฮเปอร์มาร์เก็ตของ AKA ก็พิสูจน์แล้วว่าได้รับผลตอบรับที่ดี”
ทั้งนี้กลุ่ม Zen มองว่า ความท้าทายของธุรกิจร้านอาหารคือการบริหารต้นทุนสินค้า และการพัฒนาแบรนด์ รวมถึงการออกแบบเมนูใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ลูกค้าคือเรื่องสำคัญ เพื่อให้ตัวร้านสามารถเติบโตไปมากกว่าที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในไทยปี 2566 มีมูลค่า 4.18-4.25 แสนล้านบาท เติบโต 2.7-4.5%
เจาะธุรกิจร้านอาหาร Zen ที่ไม่ได้มีแค่ร้านอาหาร
ปัจจุบันกลุ่มร้านอาหาร Zen สามารถแบ่งธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจประกอบด้วย
- ธุรกิจร้านอาหาร เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น Zen และ Aka
- ธุรกิจแฟรนไชส์ เช่น Aka, เขียง และตำมั่ว
- ธุรกิจอาหารค้าปลีก เช่น ผู้ผลิตน้ำปลาร้า และผู้นำเข้าอาหารทะเล รวมถึงเนื้อสัตว์นำเข้าต่าง ๆ
- ธุรกิจจัดส่งอาหาร และอีคอมเมิร์ซ เช่น การจำหน่ายออนไลน์ และร่วมมือกับแพลตฟอร์มส่งอาหารชั้นนำ
- ธุรกิจใหม่ที่อยู่ระหว่างพัฒนา
ส่วนในมุมมองความท้าทายในการทำธุรกิจปี 2566 บุญยง มองว่า ปัจจุบันค่าเช่าในศูนย์การค้าเริ่มกลับมาปกติ ทำให้ร้านอาหารต้องบริหารจัดการธุรกิจเข้มข้นขึ้น และการเดินหน้าไปขยายสาขาในต่างจังหวัด หรือค้าปลีกระดับรองลงมาจากศูนย์การค้าใหญ่ ย่อมช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้
“เมื่อก่อนร้านอาหารจะดีไม่ดีอยู่ที่ Location แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าร้านอาหารจะไปได้ Communication ต้องดีด้วย ตัวอย่างที่เห็นชัด ๆ คือ ร้านเล็ก ๆ ที่เข้าถึงยาก เมื่อพวกเขาทำการสื่อสารที่ดี คนก็ขวนขวายไปรับประทาน และสร้างธุรกิจเขาให้เติบโตได้ ซึ่งตรงนี้เรามีวางงบประมาณด้านการสื่อสาร และลงทุนทำให้มันเติบโตได้จริงเหมือนกัน”
ทั้งนี้ บมจ. เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป มีร้านอาหารที่ทำรายได้ให้กลุ่มมากที่สุดคือ Zen Resturant คิดเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท มีการปรับตัวคือเริ่มจำหน่ายในรูปแบบ Buffet รองลงมาคือ Aka ทำรายได้ราว 900 ล้านบาท ซึ่งปี 2566 จะทำรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท และอันดับที่ 3 คือ On The Table
สรุป
การเดินหน้าขยายสาขาของ บมจ. เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ถือเป็นกรณีทำธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะเลือกลงทุนเปิดสาขาในพื้นที่ที่ตัวเองไม่เคยมีอยู่มาก่อน ถือเป็นความท้าทายในการบุกตลาดใหม่ แต่ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จ ทำให้แผนนี้ถูกส่งต่อไปยังปี 2566 เพื่อเพิ่มจำนวนร้าน และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
อ้างอิง // Zen
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา