“ตลาดสดยิ่งเจริญ” รุกคอมเพล็กซ์แนวสูง-เปิดบริการรับซื้อของ รับรถไฟฟ้าสายสีเขียวจอดหน้าตลาด

“ตลาดสดยิ่งเจริญ” เป็นตลาดที่มีเนื้อที่รวมกันกว่า 30 ไร่ และอยู่คนระแวกพหลโยธินมา 62 ปี แต่ที่รู้กันว่าคนรุ่นใหม่ชอบความสะดวกสบาย ประกอบกับรถไฟฟ้าก็อยู่หน้าตลาด ทำให้ตลาดสดแห่งนี้เตรียมยกเครื่อง ผ่านการลงทุน 1,000 ล้านบาท

พัฒนาคอมเพล็กซ์แนวสูง รับอาหาร-แฟชั่น

แม้จะไม่ได้อยู่ระแวกสะพานใหม่ ถนนพหลโยธิน แต่หลายคนก็คงเคยได้ยินชื่อ “ตลาดสดยิ่งเจริญ” กันมาบ้าง เพราะเป็นอีกศูนย์รวมของสดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ รวมถึงเป็นแหล่งที่รวมของอร่อยไว้มากมาย จนผู้บริโภคบางคนยอมเดินทางไกลเพื่อไปซื้อกิน และกลายเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวของย่านนั้น เหมือนกับตลาดอตก. หรือบองมาเช่ ที่รวมร้านอร่อยไว้มาก แต่ของสดคงสู้ไม่ได้

นฤมล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และตลาดยิ่งเจริญ เล่าให้ฟังว่า ตัวตลาดสดแห่งนี้เป็นที่รู้จักทั้งในแง่ผู้บริโภคทั่วไปที่มาซื้อของสดเพื่อไปทำกับข้าว หรือหาของกินก่อนกลับบ้าน และในแง่พ่อค้าแม่ค้าที่มาเหมาของสดต่างๆ ไปขายต่อตามที่ต่างๆ ด้วยราคาส่งของพ่อค้าแม่ขายในตลาดสดแห่ง

ณฤมล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และตลาดยิ่งเจริญ

“ในช่วงที่รับหน้าที่บริหารต่อจากคุณแม่ (สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ) ก็เร่งสร้างแบรนด์ให้ตลาดยิ่งเจริญเป็นที่รู้จัก ทั้งในแง่สินค้าครบ และคุณภาพของสดที่นี่ เช่นเรื่องปลอดโฟม และลดการทำน้ำเน่าเสีย แต่การมาถึงของรถไฟฟ้า และความเจริญก็ทำให้เราต้องปรับ ยิ่งผู้บริโภคพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง การมีแค่พื้นที่พลาซ่าชั้นเดียวที่รวมสินค้าแฟชั่น และไอที ก็คงต้องมีมากชั้นขึ้น”

1,000 ล้านบาท ก็คุ้มค่า เพราะช่วยดึงคนรุ่นใหม่

สำหรับการลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 1,000 ล้านบาท และภายใน 5 ปีน่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างวางแผน และภายในพลาซ่าแนวสูงจะประกอบด้วย ร้านอาหารเชนดัง ซึ่งมาจากผลสำรวจความต้องการของผู้บริโภคระแวกนั้น รวมถึงสินค้าแฟชั่น และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ เพื่อให้มีความเป็นคอมมูนิตี้มอลล์มากกว่าแค่ตลาดสด

ในทางกลับกันการสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และมีสถานีอยู่ด้านหน้าของตลาดก็ทำให้จำนวนผู้เข้าใช้บริการของตลาดลดลงถึง 20% ในระยะแรก แต่เมื่อผู้ค้า และผู้ซื้อต่างปรับตัวได้ จำนวนผู้ใช้บริการก็ใกล้จะกลับมาปกติที่ราว 20,000 คน/วัน โดยช่วงที่คนมาใช้บริการมากที่สุดคือ 02.00-07.00 น. เพราะพ่อค้าแม่ค้าที่เหมาซื้อราคาส่งจะมาใช้บริการ

Gen 3 กับภาระกิจเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ตลาดสด

ด้วยระยะเวลากว่า 60 ปี ทำให้ปัจจุบันภาระการบริหารงานตกมาอยู่กับ “กัญจนิดา ตันติสุนทร” ลูกสาวของนฤมล และ “อริย ธรรมวัฒนะ” ลูกพี่ลูกน้องของกัญจนิดา โดยทั้งคู่รับหน้าที่สื่อสารการตลาด กับการนำเทคโนโลยีใหม่มายกระดับธุรกิจตามลำดับ เพราะถ้าปล่อยไว้อย่างนี้โอกาสที่กลุ่มคนรุ่นใหม่จะกลับมาเดินตลาดก็ยาก

ส่วนการเปลี่ยนแปลงก็มีทั้ง การนำระบบฐานข้อมูลมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า รวมถึงเปิดบริการ “ส่งสด” เว็บไซต์ให้บริการรับซื้อของภายในตลาด และส่งสินค้าภายในวันนั้น โดยใช้ Personal Shopper ที่ฝึกฝนจากบริษัท และร่วมกับ Lalamove ในการส่งสินค้า เริ่มให้บริการในวันที่ 11 ส.ค. จากนั้นจะเปิดบริการ Freshmate ที่เป็นแอปพลิคชั่นตามมา

ทั้งนี้ตลาดสดยิ่งเจริญที่มีพื้นที่กว่า 30 ไร่นั้น ปัจจุบันมีร้านค้าเช่าแผงทั้งหมด 1,500 ร้าน แบ่งเป็นขายอาหารสด 60%, ขายสินค้าอื่นๆ ในโซนพลาซ่า (แฟชั่น, ไอที, เครื่องสำอาง และธนาคาร) 30% และร้านอาหาร 15% โดยมีค่าแผงขนาด 4×4 ม. เฉลี่ยที่ 12,000 บาท/เดือน สามารถขายได้ 24 ชม. 7 วัน

สรุป

การปรับตัวของตลาดยิ่งเจริญ น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดสดดังๆ เช่นอตก. และตลาดคลองเตย ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองบ้าง เพราะอย่างที่รู้กันว่า ผู้บริโภครุ่นใหม่ เลือกที่จะใช้ชีวิตสบาย ไม่อยากเดินในตลาดที่สกปรก ดังนั้นถ้าไม่เปลี่ยน ตลาดสดที่อยู่คู่คนไทยมานาน ก็คงหายไปกับกาลเวลา ไม่เหมือนกับตลาดสดในกรุงบูดาเปสที่อยู่มาได้กว่า 120 ปี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา