ผลสำรวจจากบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ พบว่าในปี 2021 มนุษย์เงินเดือนทั่วโลกเริ่มไม่สนุกกับการทำงานที่บ้านอีกต่อไป ประสิทธิภาพการทำงานเริ่มลดลงไม่เท่าปีที่แล้ว
ในขณะนี้ประเทศไทยของเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในรอบใหม่ มนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องกลับมาทำงานที่บ้านกันอีกครั้ง หรือบางคนอาจทำงานที่บ้านมาตั้งแต่ปีที่แล้วโดยยังไม่มีโอกาสกลับเข้าออฟฟิศเลยด้วยซ้ำ
แม้ที่ผ่านมา Brand Inside จะเคยนำเสนอบทความเกี่ยวกับข้อดีของการทำงานที่บ้านมาแล้วมากมาย ทั้งประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น มีเวลาส่วนตัว มีความยืดหยุ่นสูง ลดความเครียดจากการทำงานได้
- Work From Home: เปิด 5 เหตุผลจากงานวิจัย ทำไม “ทำงานที่บ้าน” ถึงให้ผลที่ดีกว่าการเข้าออฟฟิศ
- ผลการทดลองชี้ บริษัทได้ประโยชน์จาก Work From Home ลดค่าเช่าออฟฟิศ คนทำงานดีขึ้น
- คนอเมริกัน Work from home มากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายการเดินทางมากถึง 2.8 ล้านล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปีกว่าๆ การทำงานที่บ้านอาจไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะกลายเป็นว่าการทำงานที่บ้านอาจไม่ได้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเสมอไป
มนุษย์เงินเดือนอาจไม่ได้แฮปปี้กับการทำงานที่บ้านอีกแล้ว
จากการเก็บข้อมูลของ JLL บริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ เกี่ยวกับการทำงานที่บ้านในยุคที่โควิด-19 ระบาด จากมนุษย์เงินเดือนจำนวน 3,300 คน พบว่า บางส่วนไม่ได้ “แฮปปี้” กับการทำงานที่บ้านอีกแล้ว หลังจากต้องทำงานที่บ้านมานานนับปี
ในปีนี้มนุษย์เงินเดือนเพียง 37% เท่านั้น ที่มองว่าการทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพการทำงานดีที่ดีกว่า ลดลงจาก 48% ในผลการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้มนุษย์เงินเดือนยังรู้สึกว่าไม่อยากทำงานที่บ้านตลอดไป แถมจำนวนวันทำงานที่บ้านที่มองว่าพอดียังลดลงจาก 2 วัน เหลือ 1.5 วันต่อสัปดาห์ โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า การทำงานที่บ้านทำให้เกิดความรู้สึกว่าการทำงานไม่มีวันจบสิ้น และไม่รู้วันเวลา
JLL อ้างถึงผลการวิจัยที่พบว่า หากมนุษย์เงินเดือนทำงานที่บ้านเกิน 2 วันต่อสัปดาห์ จะส่งผลความกังวลที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเรื่องความกังวลเกี่ยวกับอนาคตในการทำงาน และรู้สึกว่างานไม่สามารถเติมเต็มชีวิตได้อีกต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม แม้มนุษย์เงินเดือนจะไม่แฮปปี้กับการทำงานที่บ้านมากเท่าปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์เงินเดือนอยากจะเข้าออฟฟิศทุกวัน เพราะมนุษย์เงินเดือนกว่า 80% อยากทำงานแบบไฮบริด และ 88% ยังอยากมีอิสระในการเลือกวัน-เวลาทำงานด้วยตัวเอง เพราะในท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ทุกคนยังต้องการคือความยืดหยุ่น และชีวิตการทำงานที่มีความสมดุล
เจอกันตรงกลาง ทำงานแบบ “ไฮบริด” คือทางออก
ทางออกอย่างหนึ่ง ที่เป็นเหมือนการเจอกันตรงกลางระหว่างบริษัท และมนุษย์เงินเดือน คือการทำงานแบบไฮบริด ที่หลายบริษัทเริ่มนำมาใช้หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น คือให้พนักงานเริ่มกลับเข้าไปทำงานในออฟฟิศตามเดิม แต่เลือกที่จะทำงานที่บ้านได้บางวัน ซึ่งมีหลายบริษัทที่นำแนวคิดการทำงานแบบไฮบริดไปใช้แล้ว เช่น Google, Adobe, Apple และ UBS เป็นต้น
อย่างในกรณีของ Google การทำงานแบบไฮบริดไปไกลกว่าการเข้าออฟฟิศเพียงบางวัน เพราะพนักงานสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าออฟฟิศทุกวัน เข้าออฟฟิศบางวัน หรือจะเลือกย้ายที่อยู่อาศัย และไม่เข้าออฟฟิศอีกเลยตลอดไปก็ได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกันธนาคารอังกฤษ ก็ได้เผยแพร่การวิจัยที่พบว่า การทำงานที่บ้านยังมีข้อดี หากมีเวลาได้เข้าออฟฟิศบ้าง โดยพบว่า “การทำงานจากบ้านช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตราบเท่าที่ได้เข้าออฟฟิศบ้าง’’ แต่หากทำงานที่บ้านมากกว่า 1-2 วันต่อสัปดาห์ ก็จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และทำให้มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมงานหายไป พร้อมทั้งเตือนด้วยว่าการทำงานที่บ้านนานๆ มีผลกระทบในระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องการลาออกของพนักงาน ความเข้ากันได้ของพนักงานแต่ละคน และความสัมพันธ์ของทีม
ที่มา – JLL
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา