Netflix สตรีมมิงนักฆ่าซีรีส์ดัง: สร้างภาคต่อต้นทุนสูง ผลิตเรื่องใหม่จึงตอบโจทย์กว่า

Netflix ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสตรีมมิงระดับโลก ด้วยเนื้อหาที่มีให้เลือกชมจำนวนมาก แบ่งเป็นภาพยนตร์ 3,781 เรื่อง และรายการทีวีอีก 1,940 เรื่อง

ภาพจาก Unsplash โดย freestocks

แต่ Netflix มีปัญหาหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจให้กับคนดู Netflix นั่นคือซีรีส์บางเรื่อง แม้จะได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ Netflix ก็ทิ้งซีรีส์เรื่องนั้นไว้เพียงซีซัน 2 ไม่ได้สร้างซีซัน 3 ต่อแต่อย่างใด ซึ่งสร้างคำถามให้กับแฟนๆ จำนวนมาก

Netflix นักฆ่าซีรีส์ดัง: หลายเรื่องไม่ได้ไปต่อซีซัน 3

ซีรีส์ยอดนิยมที่มีเพียง 2 ซีซัน และ Netflix ไม่ได้ตัดสินใจสร้างซีซัน 3 ต่อ นั่นคือ Sense8, The OA, Luke Cage และเรื่องล่าสุดคือ Altered Carbon ซึ่งการสร้างซีรีส์ของ Netflix แตกต่างจากการสร้างซีรีส์เพื่อฉายบนช่องทีวีทั่วไป ที่หากมีผู้ชมจำนวนมาก ก็พร้อมที่จะสร้างซีซันต่อไป อย่างซีรีส์เรื่อง The Office ของช่อง NBC ที่เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี 2005 ก็มีให้รับชมถึง 9 ซีซัน

อย่างไรก็ตามการตัดสินใจว่าซีรีส์เรื่องหนึ่งจะได้ไปต่อหรือไม่ เป็นการตัดสินใจของ Netflix เอง แม้ที่ผ่านมา Netflix จะไม่เคยเปิดเผยข้อมูลสถิติการรับชมเหมือนช่องทีวีปกติ แต่ก็เคยมีหลายๆ ฝ่ายคาดการณ์ว่า Netflix ตัดสินใจว่าจะสร้างหรือไม่สร้างซีรีส์ซีซันต่อๆ ไป จากข้อมูลจากสัดส่วนจำนวนผู้ชมต่อค่าใช้จ่ายในการสร้างซีรีส์ซีซันต่อไป โดยจะตัดสินใจสร้างซีซีนต่อไป เมื่อซีรีส์เรื่องนั้นมีสัดส่วนการรับชมที่เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายการสร้าง

แม้ซีรีส์บางเรื่อง อย่าง Altered Carbon จะมีฐานคนดูจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ Netflix ตัดสินใจสร้างซีซันต่อไปได้ เพราะจำนวนผู้ชมยังจำกัดอยู่ในคนเฉพาะกลุ่ม แต่ Netflix ต้องการซีรีส์ที่ผู้สมัครใช้งาน Netflix จำนวนมากเลือกที่จะดู เช่น Stranger Things ที่ประสบความสำเร็จในแง่ของการสร้างฐานคนดูใหม่ๆ และรักษาฐานคนดูเดิมๆ นอกจากนี้ Netflix ยังใช้ข้อมูลการรับชมซีรีส์เรื่องหนึ่ง ภายในระยะเวลา 7 และ 28 วัน หลังจากซีรีส์เรื่องนั้นเปิดให้รับชม โดยแบ่งเป็นจำนวนผู้ชมเพียงตอนแรก และผู้ที่ชมจนจบทั้งซีซัน

ไม่ใช่จำนวนผู้ชมเท่านั้น แต่เรื่องเงินก็กลายเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน เพราะซีรีส์ที่ Netflix สร้างเอง จะอยู่เพียงบน Netflix เท่านั้น ต่างจากช่องทีวีแบบปกติ ที่สามารถขายลิขสิทธิ์ซีรีส์เพื่อนำไปฉายในประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับช่องทีวีมหาศาล

ยิ่งหลายซีซัน ต้นทุนสร้างยิ่งสูง

นอกจากนี้ Netflix มีความพยายามที่จะดึงดูดให้ซีรีส์เรื่องหนึ่งสร้างซีซันใหม่ได้เรื่อยๆ ด้วยการให้เงินผู้ผลิตเพื่อดึงดูด ยิ่งซีรีส์มีหลายซีซัน ต้นทุนในการผลิตก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมซีรีส์บางเรื่องแม้จะได้รับความนิยม แต่ด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในทุกๆ ซีซัน Netflix จึงตัดสินใจเลิกสร้างในที่สุด เพื่อเปิดทางให้กับซีรีส์เรื่องใหม่ๆ ที่อาจแจ้งเกิดได้ในอนาคต

อีกหนึ่งสาเหตุคือ ขณะนี้จำนวนผู้สมัครใช้งาน Netflix ยังคงอยู่ในช่วงที่กำลังเติบโต การมีซีรีส์จำนวนมาก หรือมีซีรีส์เรื่องใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ ก็จะช่วยดึงดูดให้ผู้ชมที่สมัครใหม่เพิ่มมากขึ้นไปด้วย

ที่มา – Wired, Fox business

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา