Whoscall ย้ำคนไทยน่าเป็นห่วง เกินครึ่งเจอกลโกง-มิจฉาชีพ เสียหายทะลุ 115,300 ล้านบาท

เก่งมาจากไหน ก็แพ้มิจฉาชีพอย่างเธอ

สถิติใหม่จากรายงาน Whoscall Report 2025 ชี้ชัด ‘ภัยหลอกลวง’ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และกำลังเล็งเป้าสังคมไทยมากขึ้น โดยเฉพาะ ‘เพศชาย-Gen Y-จบสูง’

ผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างคนไทย 1,000 คนในรายงานชี้ว่า ‘ภัยหลอกลวง’ เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันแล้ว โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 72% เคยเจอกลโกงหรือมิจฉาชีพ และ 60% เคยตกเป็นเหยื่อ ส่วนความเสียหายรวมมากกว่า 115,300 ล้านบาท สะท้อน ‘วิกฤตความเชื่อมั่น’ ในการสื่อสารของคนไทยที่กำลังเกิดขึ้นในระดับประเทศ

ตัวเลขชุดนี้บอกชัดว่า กลโกงกำลังพัฒนาเร็วและแนบเนียนขึ้น จนแม้คนที่คิดว่าระวังตัวแล้วก็ยังพลาดได้

‘Jeff Kuo’ ผู้ร่วมก่อตั้ง Gogolook มองว่ากลโกงพัฒนาเร็วมาก ซับซ้อนขึ้น และสมจริงกว่าเดิม ถึงขั้นทำให้คนที่คิดว่าตัวเองระวังอยู่แล้วก็อาจหลงเชื่อได้ง่าย ซึ่งนี่คือจุดที่เทคโนโลยี AI เริ่มเข้ามามีบทบาททั้งฝั่งป้องกันและฝั่งโจมตี

โดย ‘Kuo’ บอกว่านับตั้งแต่ที่ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ยิ่งกระตุ้นให้มิจฉาชีพหาวิธีหลอกคนมากขึ้น เทียบจากปี 2020 ที่กลโกงและโซเชียลเอนจิเนียริงมีสัดส่วนราว 30% ของภัยไซเบอร์ แต่ช่วงปี 2022-2024 เพิ่มขึ้นเป็น 90% และจากรายงานล่าสุดในไทย กว่า 22% ของเหยื่อบอกว่าเหตุการณ์ที่เจอ ‘สมจริงมาก’ จนเผลอเชื่อ

รายงานยังชี้ ‘โปรไฟล์กลุ่มเสี่ยง’ ที่มิจฉาชีพเล็งเป้าไว้ชัดเจน 6 กลุ่ม โดยเรียงตามเปอร์เซ็นต์ที่พบจากการสำรวจ ได้แก่:

  1. มิลเลนเนียล (Gen Y) 68%
  2. ผู้มีการศึกษาสูง 66%
  3. คนที่มั่นใจว่าตัวเองแยกแยะมิจฉาชีพได้ 66%
  4. ผู้ปกครอง 64%
  5. เพศชาย 63%
  6. ผู้อาศัยในเขตเมือง 63%

ด้าน ‘Manwoo Koo’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Gogolook ประเทศไทย ชี้ว่า ตัวเลขพวกนี้สะท้อนถึงกลโกงยุคใหม่ที่ไม่เลือกเหยื่อเฉพาะคนที่ไม่รู้เท่าทัน แม้คนที่มั่นใจในตัวเองก็ยังตกเป็นเป้าได้ง่าย

Whoscall จึงมองว่า ‘การป้องกัน’ ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งจำเป็น โดยทิศทางของ Whoscall ในไทยต่อจากนี้ เดินหน้าใน 3 แนวทางหลัก:

  • ยกระดับ Whoscall เป็นแพลตฟอร์มปกป้องภัยดิจิทัลครบวงจร
  • ขยายเครือข่ายพันธมิตรทั่วประเทศเพื่อเสริมความปลอดภัย
  • สร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

‘ฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ’ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Gogolook ประเทศไทย อธิบายว่า การพัฒนา Whoscall ครั้งนี้ ตั้งอยู่บนแนวคิดว่าเทคโนโลยีต้องขับเคลื่อนด้วยผู้คน ไม่ใช่ทำงานแบบโดดเดี่ยว ซึ่งต้องมีฟีเจอร์ป้องกันมิจฉาชีพแบบครบวงจร ดึงผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้การป้องกันแข็งแรงขึ้น และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้

“เพราะมิจฉาชีพมาในหลายรูปแบบ การพัฒนาเทคโนโลยีจึงต้องครอบคลุมทุกช่องทางการสื่อสารและทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน”

ขณะที่ ‘กชศร ใจแจ่ม’ กรรมการผู้จัดการ Gogolook ประเทศไทย บอกว่า ปีนี้ Whoscall ไม่ได้โฟกัสแค่ปกป้องผู้ใช้รายบุคคล แต่ขยายไปสร้าง ‘เครือข่าย’  เพื่อให้การป้องกันภัยครอบคลุมทั้งประเทศ ดังนี้

  • เรื่องนี้ต้องถึงโหนกระแส ช่องทางส่งเรื่องจริงไปถึงทีมงานโหนกระแสโดยตรง ปลอดภัยและมั่นใจได้
  • คอมมูนิตี้ปลอดภัยกับแสนสิริ ดูแลกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ พร้อมรณรงค์ให้คนในชุมชนช่วยกันปกป้อง
  • Whoscall Mission ภารกิจรายวันสะสมแต้มแลกรางวัลหรืออัปเกรดเป็น Whoscall Premium

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า หากต้องการปราบมิจฉาชีพให้ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือคอยเรียนรู้นวัตกรรมการป้องกัน และกลลวงที่มิจฉาชีพนำมาใช้เสมอ เพราะขนาดคนที่มั่นใจว่าเก่ง ก็ยังพลาดได้

ที่มา: Whoscall Trust Conference Bangkok 2025

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา