อัตราผลตอบแทนนั้นเป็นเรื่องที่เรามักจะมองหาก่อนเสมอเวลาจะเริ่มลงทุนกับอะไรสักอย่างเพื่อเป็นสิ่งการันตีว่าการลงทุนครั้งนี้จะไม่เสียเปล่า แต่สำหรับสินทรัพย์บางอย่างที่ไม่ได้มีเรทผลตอบแทนมาให้เราจะหาค่านี้ได้ยังไงและจะรู้ได้ยังไงว่าอัตราค่าตอบแทนนี้เหมาะสมหรือยัง ลองเอาสูตรการหาค่า Yield ไปใช้ดูกันนะ
Yield คืออะไร
Yield คือผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนสินทรัพย์ใด ๆ มักจะคิดเป็นเปอร์เซ็น หรือที่หลายๆ คนอาจจะคุ้นกับการใช้คำว่า ผลตอบแทน X% ต่อปี ซึ่งผลตอบแทนในแต่ละสินทรัพย์นั้นก็จะแตกต่างกันออกไปเช่น หุ้นผลตอบแทนคือปันผล ตราสารหนี้ได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย คอนโดหรือบ้านเช่าผลตอบแทนที่ได้คือค่าเช่า
การหาค่า Yield หรือผลตอบแทนที่ได้จากลงทุนในสินทรัพย์ เรามักจะใช้การคำนวณง่ายๆ ดังนี้
“(ผลตอบแทนที่ได้ / เงินลงทุนทั้งหมด) * 100”
ยกตัวอย่างเช่น เรามีคอนโดมีเนียมราคา 5,000,000 บาท ปล่อยเช่าในราคา 40,000 บาทต่อเดือน เราสามารถคิดค่า Yield ได้ดังนี้
(40,000 * 12 (เดือน) / 5,000,000) * 100 = 9.6% ต่อปี ซึ่งสามารถบอกได้คร่าวๆ ว่าเราจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนปล่อยเช่าคอนโดอยู่ที่ 9.6% ต่อปี โดยเรียกค่านี้ว่า Rental Yield
แต่หากต้องการจะหาผลตอบแทนสุทธิหรือ Net Rental Yield จะหาได้จากการเอาค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆ มาลบออกจากค่าเช่า เช่น “(ค่าเช่าทั้งปี – ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม / ราคาคอนโด) * 100”
อีกตัวอย่างเช่นการถือตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาลราคา 1,000 บาท โดยมีดอกเบี้ยหน้าตั๋วตราสารหนี้ 20 บาท 2 ครั้งต่อปี ดังนั้นค่า Yield จะอยู่ที่ (20 * 2(ครั้ง) / 1,000) * 100 = 4% ต่อปี เรียกว่า Bond Yield
Yield to Maturity (YTM) คืออะไร
อัตราผลตอบแทนรวมจากการลงทุนตราสารหนี้ต่อปีโดยถือจนครบกำหนดอายุ เป็นอัตราตอบแทนที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดย YTM จะทำให้เราเห็นผลตอบแทนทั้งหมดที่จะได้รับเมื่อเราถือไปจบครบอายุไถ่ถอน สามารถนำอัตรานี้ไปเปรียบเทียบกับการลงทุนอื่นๆ ที่ใช้เวลาเดียวกับตราสารหนี้ตัวนั้นๆ ได้ด้วย เช่นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
ทำไมนักลงทุนต้องรู้จักค่า Yield
แน่นอนว่ายิ่งค่า Yield มากก็ยิ่งแปลว่าเราจะมีโอกาสจะได้ผลตอบแทนสูง น่าลงทุนมากกว่าหลักทรัพย์อื่นๆ แต่อาจจะต้องมีการเช็คให้ละเอียดด้วยเพราะบางครั้งผลตอบแทน % ที่สูงอาจจะมาจากราคาสินทรัพย์ที่ลดลงเมื่อแทนค่าในสูตรแล้วอาจจะพบว่า % ของผลตอบแทนนั้นสูง
Source: longtunman ,krungsri ,AP Thai, FINNOMENA
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา