ณ วันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Social Media หรือคงมีน้อยคนมากๆ จะไม่เล่น Social Media เลย สอดคล้องกับสถิติจาก We Are Social ที่รายงานว่าคนไทยใช้งาน Social Media มากถึง 52.25 ล้าน หรือ 72.8% ของประชากรทั้งประเทศ และในกลุ่มที่อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนในการใช้งาน Social Media มากถึง 84.8% เลยทีเดียว
Social Media คืออะไร
Social Media หรือที่หลายคนเรียกว่า Social Network เป็นหนึ่งใน แพลตฟอร์ม (Platform) ประเภทสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันมี Social Media มากมายไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Instagram YouTube TikTok Linkedin LINE WeChat Whatsapp ซึ่งล้วนแล้วแต่มีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุก Social Media มีจุดร่วมเดียวกันคือเชื่อมผู้คนเข้าหากัน ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นมากกว่าการคุยกันผ่านข้อความ แต่ยังสามารถแสดงความคิดเห็น เปิดประเด็นสนทนา ตั้งคำถามต่อสังคม รวมไปถึงใช้เพื่อขับเคลื่อนทางการเมืองได้ด้วย เห็นได้จากกระแสหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมโลกส่วนใหญ่มีที่มาจาก Social Media แทบทั้งสิ้น
แม้ Social Media จะช่วยเชื่อมผู้คนบนโลกเข้าหากัน แต่ก็ทำให้เกิดผลเสียหลายอย่างตามมาเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่น Social Media จนเสียเวลาทำงาน เสียเวลาเรียน หรือจะเป็นเรื่องการเห็นโพสต์ของผู้อื่นมากเกินไปจนเกิดการเปรียบเทียบตัวเองและเกิดการเกลียดตัวเองในที่สุด ซึ่งมีการวิจัยในต่างประเทศหลายฉบับให้ความเห็นว่าการใช้ Social Media นั้นควรใช้อย่างพอเหมาะ ไม่ควรรบกวนเวลาชีวิตมากเกินไป จนหลายคนนั้นเกิดความต้องการหลีกเลี่ยงการเล่น Social Media หรือ Socia Detox เพื่อต้องการอยู่กับตัวเองมากยิ่งขึ้นและลดความคาดหวังจากการเห็นเรื่องราวชีวิตของผู้อื่นมากเกินไป
Social Media มีอะไรบ้าง
บทความนี้ขอยกตัวอย่าง Social Media 5 ตัวที่คนไทยใช้งานมากที่สุดเพื่อให้เห็นความแตกต่างของแต่ละตัวรวมทั้งคาแรคเตอร์ของผู้ใช้ในแต่ละ Social Media ด้วย
เริ่มต้นกันด้วย Social Media ที่มีจำนวนผู้ใช้เยอะที่สุดในประเทศไทยนั่นก็คือ Facebook นั่นเอง ด้วยความที่ Facebook นั้นอยู่กับคนไทยมานานนอกจากฐานผู้ใช้ที่มากถึง 48.1 ล้านคนและตัวของ Facebook นั้นมีสัดส่วนอายุของผู้ใช้ที่ค่อนข้างกว้างกว่า Social Media ตัวอื่นๆ เราจึงได้เห็นไลฟ์สไตล์การเล่น Facebook ของทุกวัยบนหน้า Feed ของ Facebook ตัวเอง
แม้ Facebook ในประเทศไทยจะมีอัตราการขยายตัวของ User ลดลง แต่ก็ยังคงเป็น Social Media ที่ครองใจหลายคน ด้วย Feature ที่ครบครันไม่ว่าจะเป็น Profile Account ของตัวเอง Public Page FB Messenger FB Group นี่จึงกลายเป็นช่องทางหลักที่เหล่านักการตลาดและธุรกิจทุกกลุ่มให้ความสนใจมากๆ เห็นได้จากเม็ดเงินในการใช้สำหรับทำโฆษณาออนไลน์ เรามักจะได้ยินเสมอว่า Facebook นั้นมีการถูกใช้โฆษณามากเป็นอันดับต้นๆ
แต่ด้วยการปรับเปลี่ยนอัลกอริธึมของ Facebook อยู่บ่อยครั้ง ทำให้การใช้งานของ Facebook ถูกพูดถึงเสมอว่าเริ่มไม่น่าเล่นแล้ว เริ่มน่าเบื่อ คนเห็นโพสต์น้อยลง โดยเฉพาะ Public Page ที่ยอด Organic reach ต่ำมากๆ หากไม่มีการใช้เม็ดเงินในการโฆษณา นี่จึงเป็นสาเหตุที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญกับ Facebook น้อยลงแล้วหันไปหา Social Media ตัวอื่นๆ แทน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Page ปลอมระบาดมากยิ่งขึ้นที่เราจะเห็นได้ตามข่าวไม่เว้นแต่ละวันตัวอย่างเช่นการปลอมเป็น Official page ของโรงแรมแล้วหลอกโอนเงินจากลูกค้า
Facebook ที่ ณ ตอนนี้มีบริษัทแม่เป็น Meta แม้จะเพิ่งค่อยๆ ถอนตัวจากเรื่อง Metaverse แล้วหันไปให้ความสำคัญกับ Short-form video ตามยุคสมัย ซึ่งจุดนี้กลายเป็นจุดที่ Facebook ยังต้องทำการบ้านหนักอยู่เหมือนกันเพราะ Social Media อื่นๆ ได้มีการปรับให้เข้ากับ User มากขึ้นแล้ว ต้องมารอดูท่าทีของ Facebook จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของ Social Media เบอร์ต้นกลับมาได้หรือไม่
X หรือ twitter
twitter เริ่มต้นจากการเป็น Social Media ที่ใช้โพสต์ข้อความสั้นๆ เพียง 144 ตัวอักษร จากนั้นด้วยความที่เริ่มมีคนดังหันมาเล่นกันมากขึ้นจนกลายเป็นกระแสไปทั่วโลกและเปิดบริการในประเทศไทยจนสามารถกลายเป็นหนึ่งใน Social Media ที่มีอัตราการเติบโตของผู้ใช้สูงในไทย พัฒนาจนมีฟีเจอร์ใหม่มากมายทั้งการโพสต์ได้ยาวขึ้น การมี Space ซึ่งคล้ายกับ Clubhouse และเดินทางมาจนถึงวันที่เจ้านกฟ้า twitter ได้เปลี่ยนมือจาก Jack Dorsey สู่มือของมหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla อย่าง Elon Musk ที่เปลี่ยนแปลงทุกใน twitter และได้กลายเป็น X (แต่คนไทยส่วนมากก็ยังเรียกว่า twitter อยู่ดี) ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกมากมายหลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นการ Limit post ที่ขึ้นมาบน Feed การกระทำกึ่งบังคับให้ User จ่ายรายเดือนเพื่อรับฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมทั้งมีการ revenue model ให้กับผู้ใช้ที่ Verify ตัวเองด้วย
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ของ X จะเป็นวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงานเนื่องจากเป็น Social Media ที่เกิดไล่เลี่ยกับ Facebook นอกจากนี้เนื่องจากสามารถทำ Profile ของตัวเองให้เป็นแบบ Anonymous หรือไม่ระบุตัวตนได้ ดังนั้น X จึงเป็นช่องทางที่หลายคนใช้บ่น พูดคุย สัพเพเหระ ตามศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ รวมทั้งการขับเคลื่อนสังคมผ่าน Hashtag ซึ่ง X นั้นมี Trends ซึ่งหลายคนนั้นใช้เป็นช่องทางในการรับข่าวสารเนื่องจากมีความรวดเร็วมากกว่าช่องทางอื่นๆ ที่มักจะถูกบดบังด้วยอัลกอริธึม
ก่อนหน้านี้มีธุรกิจมากมายพยายามที่จะใช้ X เป็นช่องทางในการทำธุรกิจแต่การที่แบรนด์เข้ามาทำโดยตรงนั้นกลายเป็นว่าต้องมีความระมัดระวังมากกว่าช่องทางอื่นๆ เนื่องจากใน X นั้นเกิดดราม่าขึ้นได้ง่ายมาก หลายแบรนด์จากที่เคยใช้เป็นช่องทางหลักก็ค่อยๆ ถอนตัว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังสามารถทำงานได้ดีใน X นั่นก็คือ Influencer Marketing เนื่องจากใน X นั้นมีผู้ใช้ที่หลายคนให้การยอมรับค่อนข้างมาก
Social Media สายรูปภาพที่เริ่มต้นจากการเป็นเพียงแค่ Social Media แชร์รูปพร้อมฟิลเตอร์ตกแต่งภาพที่ไม่มีใครเหมือนและยัง Exclusive เฉพาะผู้ใช้ iOS ด้วยจนมีหลายคนต้องถอย iPhone เครื่องใหม่เพื่อมาเล่น Instagram กันเลยทีเดียว จะจากนั้นเมื่อมีการพัฒนาให้สามารถใช้งานบน Android จึงทำให้จำนวนผู้ใช้งานเติบโตอย่างกระโดดขึ้นมาบวกกับการที่ Facebook สนใจในตัวของ Instagram จึงมีการซื้อ Instagram เข้ามาเป็นบริษัทลูก ในปัจจุบันเราจึงได้เห็น Meta พัฒนา Instagram และ Facebook ไปในทางเดียวกัน
Instagram มีฟีเจอร์มากมายที่ตอบโจทย์สายรูปภาพไม่ว่าจะเป็นทั้งการโพสต์รูปภาพ วิดีโอ จากนั้นเริ่มมีเปิดให้ใช้งาน IG Stories ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สามารถอัพรูปภาพ วิดีโอ สั้นๆ และจะหมดอายุภายใน 24 ชม. เป็นเหมือนการอัพเดตชีวิตในแต่ละวันของผู้ใช้ ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจของตัว Instagram ขึ้นไปอีก และในปัจจุบันสามารถทำ LIVE และ Shop บน Instagram ได้แล้ว
ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกับ twitter ที่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงานแต่จะมีการขยายไปจนถึงวัยกลางคนด้วย รวมทั้งแบรนด์เองก็สนใจทำการตลาดบน Instagram ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากการหน้า Profile เปรียบเสมือน Catalog สินค้าที่ลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกดูและสอบถามรายละเอียดของสินค้าได้ง่ายขึ้น รวมทั้งสามารถทำคอนเทนต์ life-style บน Instagram ได้ง่ายกว่าช่องทางอื่นๆ
สำหรับ Instagram มีผู้ใช้งานในไทยอยู่ราวๆ 17.35 ล้านคน และในช่วงปี 2022-2023 สัดส่วนของผู้ใช้ Instagram มีการเติบโตลดลงราวๆ 6.2%
YouTube
Social Media สายวิดีโอที่เริ่มต้นจากการเป็นช่องทางอัพโหลดวิดีโอจนกระทั่ง Google สนใจและเข้าซื้อกิจการในปี 2006 จึงเติบโตแบบก้าวกระโดด กลายเป็นมากกว่าแค่ช่องทางการอัพโหลดวิดีโอ แต่เป็น Community ที่ทำให้เกิด Creator สายวิดีโอมากมายและกำเนิดอาชีพที่เด็กๆ หลายคนอยากเป็นนั่นก็คือ YouTuber ซึ่งปัจจุบัน YouTube มีผู้ใช้งานในไทยราวๆ 43.9 ล้าน User มีทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ เป็นกลุ่มผู้ใช้ ดังนั้นคอนเทนต์ที่อยู่ใน YouTube จึงหลากหลายมากๆ
การเข้ามาของ YouTube ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเช่นการผลิตรายการบน YouTube เท่านั้นจนกลายเป็นช่องทาง Online Content ที่ใหญ่ที่สุด หลายรายการเปลี่ยนแปลงจากการผลิตให้กับสถานีโทรทัศน์มาเป็น Online และมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แบรนด์มีการปรับตัวโดยการมาอัดฉีดเม็ดเงินโฆษณาให้กับ YouTube มากขึ้น นั่นแสดงถึงการให้ความสนใจช่องทาง Online ของแบรนด์ที่มากขึ้นนั่นเอง
ด้วยกระแส Short-video ที่มาแรงทำให้ YouTube มีการปรับตัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน อย่างเช่นรูปแบบของวิดีโอที่ก่อนหน้านี้จะเป็นแนวนอน ก็มีการปรับปรุงให้รองรับวิดีโอแนวตั้งและการรับชมในมือถือให้สะดวกมากยิ่งขึ้น มีการเปิดตัว YouTube Short เพื่อสู้กับ TikTok ที่กำลังมาแรงและเปิดให้สร้างรายได้ผ่าน YouTube Short ได้เหมือนกับวิดีโอ Long-Form แบบปกติเพื่อรักษาฐานผู้ใช้ที่แข็งแรงของ YouTube เอาไว้นั่นเอง
ณ วินาทีนี้ไม่มีใครหยุดความแรงของ TikTok ที่กลายมาเป็น Social Media ที่มีผู้ใช้ในไทยเยอะใกล้เคียงกับ Facebook แล้ว โดยล่าสุดมีผู้ใช้ในไทยราวๆ 40.8 ล้านคนและมีอัตราการเติบโตจากปี 2022 สูงถึง 12.5 ล้านคน
ช่วง Covid-19 ระบาดใหม่ๆ ทุกคนน่าจะเคยเห็นกระแสของการเต้น TikTok กันมาบ้าง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่กลายเป็นกระแสให้คนไทยและคนทั้งโลกหันมาใช้ TikTok กันมากขึ้น ด้วยอัลกอริธึมที่ไม่ซับซ้อนและฟีเจอร์มากมายที่ช่วยให้การตัดวิดีโอสนุกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมี Challenge ที่สามารถชวนเพื่อนๆ มาร่วมสนุกได้ด้วย เราจึงได้เห็นแบรนด์มีการทำ Challenge มากมายเป็นหนึ่งในแคมเปญทางการตลาดบน TikTok
นอกจากนี้ TikTok ยังมี TikTok shop ซึ่งกลายเป็น Social-commerce ที่มาแรงขนาบคู่ Shopee Lazada กันเลยทีเดียว เพราะเป็นการดึงผู้ใช้งาน TikTok ให้อยู่ใน Platform ไม่ต้องกระโดดข้ามไปมาเพื่อใช้งาน หากสนใจสินค้าที่แนบในวิดีโอก็สามารถกดซื้อได้อย่างง่ายดาย
การใช้งาน Social Media สำหรับแบรนด์นั้นนอกจากมองเรื่องกลุ่มผู้ใช้งานและจุดประสงค์ของแคมเปญการตลาดแล้ว ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ให้กับ Platform ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญเช่นกัน
Source: primal.co.th , digimusketeers.co.th , marketingoops.com , thedigitaltips.com
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา