สังคมสูงวัยเป็นปัญหาถ้าสวัสดิการไม่ดี พาณิชย์สหรัฐเผย ครัวเรือนแบกไม่ไหว-ผู้หญิงกระทบหนักสุด

รมว. พาณิชย์สหรัฐ เผย สังคมสูงวัยจะกระทบเศรษฐกิจหนัก เพราะวัยทำงานต้องเลี้ยงดูผู้สูงอายุมากขึ้น ผู้หญิงถูกกระทบสุดเพราะสังคมอคติ มองว่าต้องรับหน้าที่ผู้ดูแล

us aging

สหรัฐเจอปัญหาสังคมสูงวัยเหมือนทุกที่

Gina Raidomon รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาประชากรสูงวัยจะกระทบประเทศอย่างใหญ่หลวงหากไม่มีการพิจารณาเพิ่มนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง พร้อมทั้งยังเตือนว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากนี้ ประชากรกลุ่มเบบี้บูมเมอร์จะกลายเป็นพลเมืองประชากรสูงวัยมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอันตรายมากหากประเทศมีจำนวน ‘ผู้ดูแล’ ไม่เพียงพอ

ทุกวันนี้ สหรัฐมีประชากรประมาณ 328 ล้านคน โดย 54 ล้านคน มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 65 ปี คิดเป็น 16.5% ประเด็นก็คือประชากรในกลุ่มที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 65 ปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 74 ล้านคน ภายในปี 2030 อ้างอิงจากสำมะโนประชากรสหรัฐครั้งล่าสุด

ผู้หญิงได้รับผลกระทบจากสังคมสูงวัยมากกว่าผู้ชาย

ในความเห็นของ Raidomon ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้หญิง เพราะ ด้วยระบบปัจจุบันรัฐไม่ได้เป็นผู้ให้บริการการดูแลผู้สูงอายุ นั่นหมายความว่าการบริการไม่ได้รับงบสนับสนุนจากรัฐทำให้มีราคาสูงเข้าถึงได้ยาก การดูแลผู้สูงอายุส่วนใหญ่เกิดขึ้นเองในครัวเรือน

ปัญหาก็คือ ด้วยอคติทางสังคมที่คั่งค้างอยู่ในปัจจุบัน ผู้หญิงมักถูกมองว่าเป็นผู้ที่ต้องรับหน้าที่ดูแลญาติผู้ใหญ่สูงอายุ โดยไม่ได้รับเงินตอบแทน ที่สำคัญยังกระทบหน้าที่การงาน สำหรับหลายคนอาจถึงขั้นต้องออกจากงาน

ในภาพกว้างแล้ว การขาดความสนับสนุนระบบดูแลผู้สูงอายุโดยรัฐจะกระทบชีวิตในตลาดแรงงานของผู้หญิง ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในตลาดแรงงานเมื่อเทียบกับเพศชาย

ที่สำคัญการปล่อยให้ประชาชนซึ่งมีทรัพยากรไม่เท่ากันให้ดูแลผู้สูงอายุโดยไร้ความสนับสนุนอย่างเท่าเทียมจากรัฐคือการวางเศรษฐกิจบนรากฐานที่ไม่มั่นคง ในความเห็นของ Raimondo นี่คือระบบที่ไม่ยั่งยืน

รัฐต้องสนับสนุนสวัสดิการผู้สูงอายุมากขึ้น

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้เสนองบประมาณส่งเสริมโครงการ Medicaid หรือโครงการสนับสนุนด้านการแพทย์เพื่อผู้มีรายได้ต่ำ เป็นจำนวนกว่า 400 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.3 หมื่นล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปี เพื่อให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ที่ต้องให้ความดูแลผู้สูงวัยหรือผู้พิการอยู่ที่บ้าน เพื่อไม่ให้ผู้ที่ต้องสละแรงงานเพื่อให้การดูแลแก่ผู้อื่นต้องมีความเหลื่อมล้ำทางรายได้กับผู้ที่ทำงานในตลาดแรงงานปกติจนเกินไป

ที่สำคัญ งบนี้จะถูกใช้เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการให้การดูแล

อย่างไรก็ตามงบประมาณส่วนนี้ไม่ได้อยู่ในแผนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความสนับสนุนจากทั้งสองพรรค แต่เป็นแผนที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการเสนอร่างที่แม้แต่พรรคเดโมแครตเองก็ยังไม่ได้ให้ความสนับสนุนทั้งหมด

ที่มา – Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

บาส รชต สนิท - นักข่าว นักเขียน ที่ Brand Inside | สนใจด้าน Future of Work, สิทธิคนทำงาน, สิ่งแวดล้อม, การเมืองโลก, ปัญหาทุนนิยม และ สิทธิมนุษยชน