ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตือนบริษัทอเมริกันถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในฮ่องกงเนื่องจากจีนยืนยันควบคุมฮ่องกงมากขึ้น
อเมริกากังวลเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายจีน
Financial Times รายงานว่าภายในสัปดาห์นี้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกาจะแจ้งถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการที่จีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของบริษัทต่างชาติในฮ่องกง และกฎหมายต่อต้านการคว่ำบาตรที่อนุญาตให้จีนตอบโต้ใครก็ตามที่ใช้บทลงโทษจากต่างประเทศกับเจ้าหน้าที่และกลุ่มคนจีน
บริษัทอเมริกันหลายเจ้ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับการผ่านกฎหมายความมั่นคงเมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามันจะเป็นการอนุญาตให้จีนเข้าถึงข้อมูลของบริษัทที่อยู่ในฮ่องกง และล่าสุดมีความเป็นไปได้ว่าจีนจะใช้กฎหมายต่อต้านการคว่ำบาตรซึ่งอนุญาตให้สามารถยึดทรัพย์สินบริษัทในฮ่องกงได้
สหรัฐยังมีความกังวลถึงท่าทีของจีนในฮ่องกงจากกรณีหนังสือพิมพ์ขับเคลื่อนประชาธิปไตยในฮ่องกงอย่าง Apple Daily ต้องปิดตัวลงจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐจับกุมบรรณาธิการระดับสูงและอายัดทรัพย์สินบริษัท ทั้งนี้ประธานาธิบดีของสหรัฐอาจกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่จีนในฮ่องกงมากขึ้น
เสี่ยงต่อการมีส่วนในกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน
ฝ่ายบริหารของไบเดนยังได้พูดถึงคำเตือนที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์เคยระบุเกี่ยวกับกรณีการบังคับใช้แรงงานในซินเจียง ซึ่งบริษัทอเมริกันต้องรับความเสี่ยงทางกฎหมาย หากบริษัททั้งหลายไม่ออกจากห่วงโซ่อุปทานที่มีการบังคับใช้แรงงานจะเป็นการเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายสหรัฐด้วย
เว้นแต่บริษัทจะสามารถรับประกันว่าไม่มีการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ในห่วงโซ่การผลิต แต่ผู้ประกอบการยังคงจำเป็นจะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับชื่อเสียงของบริษัท และความเสี่ยงทางกฎหมายจากการมีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
- ฝรั่งเศสเคลื่อนไหวเรื่องอุยกูร์ สั่งสอบบริษัทแฟชั่น ปกปิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์
- ศุลกากรสหรัฐอเมริกา สกัดนำเข้าเสื้อผ้าแบรนด์ Uniqlo อาจใช้ฝ้ายจากซินเจียง
- ระงับแล้วความตกลงการลงทุน EU-จีน: คัดค้านหลังจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนหนักหน่วง
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวกำลังพิจารณานโยบายที่จะอนุญาตให้ชาวฮ่องกงอยู่ในประเทศต่อได้หลังวีซ่าหมดอายุหากต้องเผชิญกับความไม่เป็นธรรมทางการเมืองในฮ่องกง ซึ่งกรณีนี้อังกฤษเคยมีการเสนอวีซ่าพิเศษเพื่อช่วยเหลือชาวฮ่องกงมาแล้ว
- ฮ่องกง ยังเป็นสวรรค์ของบริษัทข้ามชาติอีกหรือไม่? ทำไมใครๆ ถึงพากันย้ายออก
- ไม่มั่นใจ! ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งตัดสินใจไม่เปิดธุรกิจในฮ่องกงแต่ย้ายไปสิงคโปร์แทน
ที่มา: FT
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา