โลกมีหลายวิกฤต ไม่ใช่แค่โควิดเท่านั้น Unilever ทุ่ม 1 พันล้านยูโรสู้โลกร้อน ทำสินค้าย่อยสลายได้ทุกชิ้นในปี 2039

ถึงแม้ว่าทั้งโลกยังคงวุ่นอยู่กับการรับมือสถานการณ์โควิด และเรื่องความเท่าเทียมทางสังคม “อย่าปล่อยให้ตนเองหลงลืมปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อพวกเราทุกคน” นี่คือคำพูดของ Alan Jope ซีอีโอ Unilever บริษัทข้ามชาติสัญชาติอังกฤษและเนเธอแลนด์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น สบู่ Dove และผงปรุงรส Knorr

Unilever
Unilever Photo: Shutterstock

ทุ่มพันล้านยูโรสู้โลกร้อน สินค้าทุกชนิดต้องย่อยสลายได้

Unilever ประกาศทุ่มเงิน 1 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) เพื่อแก้ปัญหานี้ โดยหวังว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตสินค้าทั้งหมดให้ “เหลือศูนย์” ภายในปี 2039

ภายใน ปี 2023 Unilever จะทำให้ส่วนผสมของทุกผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้ และจะส่งเสริมให้ในห่วงโซ่การผลิตปราศจากการตัดไม้ทำลายป่าโดยสิ้นเชิง และภายใน ปี 2039 จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตสินค้าทั้งหมดให้เหลือศูนย์ 

เงินทุนส่วนนี้จะนำไปสนับสนุนเรื่องการปลูกป่า การอนุรักษ์น้ำ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยทางบริษัทจะใช้ดาวเทียม ระบบการติดตามทางภูมิศาสตร์ blockchain และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อคอยตรวจสอบห่วงโซ่การผลิตเสมอ

เว็บไซต์ของ Unilever ระบุว่า ในปี 2019 carbon footprint หรือปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินงานของบริษัท มีปริมาณ 60 ล้านตัน ทางบริษัทจึงตั้งใจดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มความสามารถ

Unilever ซึ่งมียอดขายหมุนเวียนทั้งปีอยู่ที่ 52,000 ล้านยูโร (ประมาณ 1.83 ล้านล้านบาท) ระบุว่า บริษัทจะให้ความสำคัญลำดับแรกๆ กับคู่ค้าที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นเดียวกัน และทางบริษัทได้จัดทำระบบให้คู่ค้าเปิดเผยเรื่องปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการผลิตสินค้า ซึ่งใน ปี 2039 แพกเกจจิ้งของสินค้าทุกอย่างในเครือบริษัทจะบอกข้อมูลเรื่อง carbon footprint ด้วยเช่นกัน

ภายใน ปี 2050 Nestle ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิต Kit-Kat ร่วมกับ Thyssenkrupp AG บริษัทผู้ผลิตลิฟต์ของเยอรมนี ตั้งเป้าควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศา ตามที่ระบุในสนธิสัญญาปารีส

ที่มา: Reuters, CNN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา