อังกฤษสั่งเลิกล็อกดาวน์ แต่หลายร้านยังคงปิดกิจการ-งดเดลิเวอรี่ เพราะพนักงานต้องกักตัว

ภาพจาก Unsplash

แม้คลายล็อกดาวน์แต่ผู้มีความเสี่ยงยังต้องกักตัว

รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจคลายมาตรการล็อกดาวน์แม้ยังมีการระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งผลดีกับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

ขณะเดียวกันยังคงมีมาตรการกักตัว 10 วันสำหรับผู้มีผลตรวจโควิดเป็นบวกหรือมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย โดยจะมีแอพติดตามประวัติการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย และติดตามการกักตัวของประชาชน พร้อมมีค่าปรับหากฝ่าฝืนมาตรการ ซึ่งกฎนี้คาดว่าจะผ่อนคลายได้ช่วงกลางเดือนสิงหาคม 

ด้วยยอดผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 50,000 คนต่อวันและประชาชนกว่าแสนต้องกักตัวจากการติดตามของแอพ ธุรกิจต่างๆ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลขยับแผนผ่อนคลายการกักตัวเข้ามาเร็วขึ้นสำหรับผู้ได้รับวัคซีนครบสองโดสเพื่อให้พนักงานสามารถกลับมาทำงานได้

ยอดผู้ติดเชื้อสูงคืออุปสรรค

สัปดาห์ที่ผ่านมา Greene King หนึ่งในเครือผับชั้นนำของอังกฤษต้องปิดผับกว่า 33 แห่งชั่วคราว เนื่องจากลูกจ้างจำนวนมากจำเป็นต้องกักตัวเพราะมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด 

ซุปเปอร์มาร์เก็ตเจ้าใหญ่ในอังกฤษอย่าง Tesco ก็ต้องงดบริการเดลิเวอรี่เนื่องจากคนขับรถไม่พอ ส่วนคู่แข่งอย่าง Iceland Foods ก็ได้ปิดบางสาขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดเนื่องจากพนักงานมากกว่า 1,000 คนหรือคิดเป็น 4% ของจำนวนพนักงานต้องกักตัว กรรมการผู้จัดการบริษัท Iceland บอกกับ BBC Radio 4

ในขณะที่ Steve Rowe ซีอีโอของ Marks & Spencer บอกว่าผู้ค้าปลีกอาจจะต้องเปลี่ยนหรือลดเวลาทำการของร้านเนื่องจากขาดแคลนพนักงานเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นในทุกสัปดาห์

สรุป

แม้จะมีประกาศคลายล็อกดาวน์แต่หลายธุรกิจยังไม่สามารถกลับมาเปิดได้เพราะพนักงานยังคงต้องกักตัวเนื่องจากความเสี่ยง จึงเป็นความท้าทายของรัฐบาลอังกฤษที่จะต้องควบคุมยอดผู้ติดเชื้อขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการให้พนักงานสามารถออกมาทำงานได้ตามปกติ

ที่มา: CNN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา