UBS ได้ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นในเอเชียว่าจะได้รับผลกระทบจากกรณีไวรัสโคโรนามากแค่ไหน โดยมองย้อนกลับไปในอดีตสมัยโรค SARS ระบาด และมองว่าหุ้นเอเชียยังมีดีในปีนี้
UBS สถาบันการเงินจากสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ของไวรัสโคโรนา ที่กำลังระบาดหนักในประเทศจีน ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 56 ราย และได้แพร่ระบาดไปในหลายทวีป รวมไปถึงในประเทศไทยด้วย โดยมองว่า ในระยะสั้นเรื่องของไวรัสโคโรนาจะกระทบกับเศรษฐกิจของจีน รวมไปถึงกระทบกับตลาดหุ้นทั่วเอเชีย คล้ายคลึงกับกรณีของโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS) ที่เคยเกิดขึ้นในจีนมาแล้ว แต่หุ้นในเอเชียยังมีจุดที่น่าสนใจมากกว่าที่จะมองแต่เรื่องนี้อย่างเดียว
- ชาวจีนให้สัมภาษณ์: ไม่กลัวไวรัสโคโรนา เชื่อมั่นในรัฐบาล หน้ากากก็ไม่ใส่ เพราะแข็งแรงดี
- รัฐบาลจีนประกาศควบคุมราคาหน้ากากอนามัย หลังประชาชนกังวลไวรัสโคโรนา
- เศรษฐกิจจีนรับศึกหนักรอบด้าน: ก่อนหน้าคือสงครามการค้า ตอนนี้คือเชื้อไวรัสโคโรนา
ความน่ากังวลในระยะสั้นที่ UBS กังวลคือ GDP ของประเทศจีนในไตรมาส 1 นี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบสำคัญคือ ภาคการบริโภค เนื่องจากกรณีไวรัสโคโรนานี้ยังไม่ทราบว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ที่จะควบคุมได้ อย่างไรก็ดี UBS ไม่ได้กังวลกับภาคการผลิตของจีนเท่าไหร่นัก โดยได้ยกตัวอย่างภาคการผลิตในช่วงโรค SARS ระบาดนั้นไม่ได้ส่งผลต่อภาคการผลิตแต่อย่างใด และเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวปกติหลังจากนั้น
นอกจากในจีนแล้ว UBS ค่อนข้างที่จะกังวลคือ ฮ่องกง เพราะ UBS นั้นมองว่าหลังจากที่เราเห็นในช่วงที่ผ่านมาว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า การชุมนุม ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของฮ่องกงอย่างหนัก และถ้าหากมีสถานการณ์ของไวรัสโคโรนายิ่งส่งผลกระทบหนัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคการบริโภค
ในไทยนั้น UBS มองว่าเศรษฐกิจไทยนั้นเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเกือบๆ 10% ของ GDP ไทย โดยที่ผ่านมากลุ่มท่องเที่ยวในตลาดหุ้นไทยกำลังฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมาจากนักท่องเที่ยวจีน แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับไปอ่อนแออีกครั้ง อย่างไรก็ดีหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวของไทยเมื่อคิดเป็นสัดส่วนในดัชนีตลาดหลักรัพย์แห่งประเทศไทยถือว่ายังน้อยมาก
ถ้าหากมองย้อนกลับไปที่ดัชนีหุ้นในเอเชียอย่าง MSCI Asia ex Japan ในช่วงที่เกิดโรค SARS ระบาดนั้นผลตอบแทนของดัชนี MSCI Asia ex Japan ร่วงลงประมาณ 12% ขณะที่ตลาดหุ้นในจีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ รวมไปถึงฮ่องกง เกิดการเทขายอย่างหนัก เฉลี่ยแล้วส่วนใหญ่จะตกลงประมาณ 15-16% อย่างไรก็ดีตลาดหลักทรัพย์ของไทยเรากลับได้รับผลน้อยมาก โดยลดลงไปแค่ 1% เท่านั้น ขณะที่อินโดนีเซียกลับมีผลตอบแทนเป็นบวก
แต่ UBS มองว่าท้ายที่สุดแล้วหลังจากเหตุการณ์ผ่านไป แล้วตลาดหุ้นในเอเชียมักจะตอบสนองไปทางบวกเสมอ โดยได้เทียบกับเหตุการณ์หลังวิกฤติโรค SARS ว่าดัชนี MSCI Asia ex Japan กลับมาเป็นบวกถึง 29% จากจุดต่ำสุด โดยตลาดที่กลับมาให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดคือ ไต้หวัน เกาหลีใต้ รวมไปถึงไทย
ท้ายที่สุด UBS ยังให้คำแนะนำว่าดัชนี MSCI Asia ex Japan ยังถือว่ามี Valuation ถูกมากเมื่อเทียบกับตลาดโลกที่ปัจจุบันอยู่ที่ 33% เมื่อเทียบกับในอดีตที่ 23% โดยในปีนี้นั้น UBS มองว่าหุ้นในเอเชียมีกำไรที่เติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่อุตสาหกรรมที่ UBS ชอบ เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในจีน หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5G รวมไปถึงหุ้นกลุ่มปันผลสูง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา