TV Direct ยุติการเข้าซื้อหุ้นสปริงนิวส์ เทเลวิชั่น เพื่อเข้าดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัล ช่องสปริงนิวส์ (ช่อง 19) หลังกสทช. เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล
ล้มดีลเพราะเจรจาไม่ลงตัว
หลังจากเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วที่ TV Direct ได้ประกาศเข้าถือหุ้น 90.1% ในสปริงนิวส์ เทเลวิชั่น เพื่อบริหารทีวีดิจิทัลช่อง 19 คิดเป็นมูลค่ารวม 1,080 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าหุ้น 949 ล้านบาท และบวกค่าจ้างทำข่าวอีก 130 ล้านบาท เป็นการดันทีวีดิจิทัลเป็น TV Shopping
อ่านต่อ เปิด 9 เหตุผล ทำไม TV Direct ถึงเข้าซื้อ Spring News มูลค่าพันล้าน
แต่ล่าสุด TV Direct ได้ยุติการเข้าลงทุนในช่อง Spring News แล้วเรียบร้อย หลังจากที่กสทช.เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ส่งผลทำให้เจรจาไม่ลงตัวเท่าที่ควร จึงเกิดการแยกทางกันขึ้น
ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
“บริษัทตัดสินใจยุติการเข้าลงทุนในสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล ช่อง 19 (ช่องสปริงนิวส์) โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 มีมติให้ยุติการเข้าซื้อหุ้นบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ในเครือ บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัลช่อง 19 (ช่องสปริงนิวส์) เนื่องจากภายหลังที่ กสทช. เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ส่งผลให้เกิดการเจรจาระหว่างกันภายใต้เงื่อนไขใหม่ ซึ่งยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้”
TV Direct ยังคงเป็นผู้เช่าเวลากับช่อง 19 เพื่อผลิตรายการโฮมช้อปปิ้งออกอากาศทางสถานี และเดินหน้าขยายการลงทุนในส่วนอื่นๆ เพื่อผลักดันการเติบโตและเพิ่มศักยภาพการขายสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผลประกอบการกำไรดีสุดในรอบ 5 ปี
ในปีที่ผ่านมา TV Direct มีผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย โดยเฉพาะผลกำไรสุทธิถือว่าดีที่สุดในรอบ 5 ปีนับจากปี 2557 โดยมีกำไรสุทธิ 57.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187.41% จากปีก่อนที่ขาดทุน 68.29 ล้านบาท
ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 3,993.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.24% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,329.11 ล้านบาทปัจจัยมาจากการปรับรูปแบบโฆษณาและรายการโฮมช้อปปิ้งให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นการนำเสนอสินค้าใหม่ๆและยอดขายช่องทางออนไลน์ที่เติบโตได้ดี
ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิงวด 12 เดือน ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยบริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.05 บาท และจะจ่ายปันผลเพิ่มหุ้นละ 0.03 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 มีนาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 2562
ทรงพลกล่าวอีกว่า ส่วนปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 4,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% โดยรายได้จะมาจากธุรกิจของ TV Direct 3,300 ล้านบาท และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ล้านบาท ได้แก่ 1.ทีวีดี ช้อปปิ้ง (ถือหุ้น 65%) 2.ลาสไมล์ ไดเร็ค (ถือหุ้น 99.99%) 3.ทีวีดี โบรกเกอร์ (ถือหุ้น 99.99%) 4.ทีวีดี เซอร์วิสเซส (ถือหุ้น 99.99%) 5.เมจิก พีวอท (ถือหุ้น 60%) และ 6.ทรี–อาร์ดี (ถือหุ้น 25%) ซึ่งจะรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนถือหุ้น
เน้น Omni Channel
โดยกลยุทธ์หลักของ TV Direct จะมุ่งเน้นการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience ซึ่งจะผสมผสานการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยช่องทาง ‘ออนไลน์ ช้อปปิ้ง’ ได้ร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับสื่อโซเชียลมีเดียเพื่อพัฒนากลยุทธ์การทำโฆษณาร่วมกัน
พร้อมวางแผนปรับโฉมเว็บไซต์และโมบาย แอพพลิเคชั่นใหม่ ส่วนช่องทาง “ทีวี ช้อปปิ้ง” จะมุ่งพัฒนารูปแบบการนำเสนอสินค้าและสปอตโฆษณาใหม่ๆ รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า (Create Customer Experience)
ส่วนช่องทางสุดท้าย “ไดเร็ค ช้อปปิ้ง” จะรุกใช้สื่อโฆษณาทางทีวีดิจิทัลช่องต่างๆ พร้อมนำเทคโนโลยีแชตบอทและ AI เข้ามาใช้งานรวมถึงพัฒนาร้านทีวีไดเร็คโชว์เคสภายใต้คอนเซปต์ใหม่และแฟลกชิพสโตร์รูปแบบใหม่ภายในห้างสรรพสินค้า
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา