ผู้เชี่ยวชาญเผยปิดแอร์ เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ลดความเสี่ยงติดโควิดในที่สาธารณะ

ทางออกหนึ่งที่จะช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ นั่นคือการประกาศปิดพื้นที่สาธารณะ และใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เมื่อจำนวนผู้ป่วยเริ่มลดลงจึงเริ่มให้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

หลายเมืองเริ่มวางแผนคลายมาตรการล็อคดาวน์กันแล้ว ภาพจาก pixabay.com

ตอนนี้หลายเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกากำลังวางแผนที่จะผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ ด้วยการเปิดห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และโรงภาพยนตร์ ให้คนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่ยังไม่ลดลงสร้างความกังวลว่าการคลายมาตรการล็อคดาวน์ จะทำให้การระบาดของโรคโควิด-19 มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ โดยเฉพาะในสถานที่สาธารณะหลายแห่งที่จำเป็นต้องใช้ระบบปรับอากาศ

ก่อนหน้านี้ที่เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการนั่งทานอาหารในร้านเดียวกันกับผู้ติดเชื้อคนอื่น เพราะระบบปรับอากาศพัดเอาลมที่มีละอองสารคัดหลั่งเล็กๆ ของผู้ป่วยไปทั่วบริเวณร้านอาหาร ซึ่งความจริงแล้วการแพร่กระจายของโรคผ่านระบบปรับอากาศไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเมื่อปี 2003 ที่โรคซารส์ระบาดอย่างรุนแรง ก็พบว่าโรคซารส์สามารถกระจายผ่านระบบปรับอากาศ และท่อน้ำในโรงแรมได้เช่นกัน

การปิดเครื่องปรับอากาศ เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศช่วยลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 ได้ ภาพจาก pixabay.com

ปิดแอร์ เปิดหน้าต่าง ช่วยป้องกันโควิด-19 ได้

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำว่าวิธีที่จะป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ปิดที่ง่ายที่สุด คือการเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศในห้องออกไป เพราะละอองสารคัดหลั่งที่อาจมีเชื้อโควิด-19 สามารถลอยออกจากห้องไปตามลมได้ง่าย หากมีการเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ

ส่วนในพื้นที่ที่ไม่สามารถเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศได้ โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต ฟิตเนส โรงภาพยนตร์ และอาคารสำนักงาน ควรปรับระบบปรับอากาศในอาคารให้หมุนเวียนอากาศจากภายนอกเข้ามา 100% แต่อากาศจากภายนอกอาคารต้องผ่านการกรองให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งจะช่วยนำเอาอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ออกไปจากอาคารได้ เพราะบางครั้งผู้ป่วยบางคนอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีเชื้อโควิด-19

Alex Kalajian ผู้บริหารของบริษัทจัดการอาคารแห่งหนึ่ง เล่าว่า เขาได้แนะนำให้อาคารพักอาศัยที่เขาดูแลอยู่กว่า 80 แห่งในกรุงนิวยอร์ก ปิดระบบปรับอากาศในพื้นที่ที่ใช้ระบบปรับอากาศจากส่วนกลางทั้งหมด ได้แก่ ซาวน่า สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และห้องประชุม เพื่อความปลอดภัย

เมื่อปี 2019 เคยมีการศึกษาพบว่า การระบายอากาศในอาคารด้วยระดับที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันการติดโรคไข้หวัดใหญ่ได้ดี 50-60% เทียบเท่ากับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค เพราะการระบายอากาศที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะติดโรคจากการสูดละอองสารคัดหลั่งที่กระจายไปทั่วห้องในเวลานาน ดังนั้นการเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศภายในห้อง จึงเป็นการลดความเสี่ยงที่โรคโควิด-19 จะกระจายออกไปได้ดีที่สุด

การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นสิ่งที่ควรทำเช่นเดิม ภาพจาก pixabay.com

ไม่ใช่แค่เปิดหน้าต่าง แต่ต้องอยู่ห่างๆ กันด้วย

ในบางพื้นที่เราอาจไม่สามารถเป็นผู้ควบคุมระบบปรับอากาศได้ เพราะเราไม่ใช่เจ้าของอาคาร เช่นในห้างสรรพสินค้า หรือซุปเปอร์มาเก็ต ทางออกที่ดีที่สุดคงเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ให้สันนิษฐานไปเลยว่าคนรอบตัวอาจเป็นคนป่วยด้วยโรคโควิด-19 ดังนั้นต้องพยายามเว้นระยะห่างจากคนอื่น และล้างมือทุกครั้งที่จับสิ่งของต่างๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงไม่เอามือสัมผัสหน้าจนกว่าจะล้างมือให้สะอาด

เช่นเดียวกันกับนักระบาดวิทยา จาก University of New England ที่เห็นว่าการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรทำ นอกเหนือไปจากการใส่ใจเรื่องการระบายอากาศในอาคาร

ที่มา – Business Insider

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา