ข่าวดีของทั้งโลกในสุดสัปดาห์นี้เมื่อ สหรัฐและจีนกลับมาเจรจาการค้าใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ทรัมป์ยังให้บริษัทสหรัฐขายสินค้าให้ Huawei ได้
สองมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน กลับมาเจรจาการค้าใหม่อีกครั้งในการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยสหรัฐจะไม่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่ากว่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แลกกับการเจรจาการค้า สร้างความหวังให้กับผู้ประกอบการรวมไปถึงประเทศต่างๆ ว่าการค้าและเศรษฐกิจโลกจะกลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง
- ทรัมป์กล่าว “ถ้าการเจรจากับจีนจบไม่ดี สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเริ่มต้นที่ 10%”
- สหรัฐอาจเลื่อนภาษีนำเข้าจากจีน 3 แสนล้านเหรียญออกไปก่อน กลับมาคุยกับจีนใหม่อีกรอบแล้ว
- จากสงครามการค้า สู่สงครามทางเทคโนโลยี มีผลกระทบกับไทยแค่ไหน
การหารือกันระหว่างสหรัฐและจีนหลังจากที่การเจรจาล่มไปในรอบ 1 เดือนกว่าๆ ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 80 นาทีด้วยกัน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวว่า “เป็นการเจรจาที่ยอดเยี่ยม ทั้ง 2 ประเทศกลับมาอยู่ในการเจรจาอีกครั้ง และจะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้” ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีสหรัฐได้ขู่ว่าถ้าหากการเจรจาล้มเหลว เขาเองจะประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเริ่มต้นที่ 10%
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้กล่าวก่อนมาร่วมการประชุม G20 ว่า “การร่วมมือกันและเจรจานั้นดีกว่าการเผชิญหน้าและความขัดแย้ง” แต่ไม่ได้อ้างถึงประเทศใดประเทศหนึ่ง
ขณะที่รายงานจากสื่อของจีนได้รายงานว่า สหรัฐจะไม่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน นอกจากนี้จีนและสหรัฐยังจะเจรจาในประเด็นสำคัญๆ สำหรับทางด้านประธานาธิบดีของจีน ได้กล่าวว่า หวังว่าการเจรจาครั้งนี้ของสหรัฐจะตั้งอยู่บนความเท่าเทียมกัน มีความเคารพในแต่ละฝ่าย รวมไปถึงปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
ล่าสุดประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อในช่วงถามตอบ ในประเด็นของ Huawei ว่า เขาให้บริษัทสหรัฐสามารถขายสินค้าให้กับ Huawei ได้ด้วย ประธานาธิบดีสหรัฐยังได้กล่าวว่า เขาชอบที่จะให้บริษัทสหรัฐขายของให้กับลูกค้ารายอื่นๆ แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไม่ง่ายก็ตาม
Update1: ทรัมป์ไม่ได้ตอบถึงเรื่องการนำ Huawei ออกจากบัญชีดำของกระทรวงพาณิชย์ แต่ได้ตอบว่า Huawei มีปัญหาในเรื่องความมั่นคง และไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนี้ในตอนนี้
Update2: ทรัมป์เองยังได้กล่าวว่ากำลังชั่งใจว่าอาจไปเยือนรัสเซียในช่วงเร็วๆ นี้ด้วย
ที่มา – Reuters, Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา