ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศเม็กซิโกมีผลบังคับใช้วันที่ 10 มิถุนายน หลังจากที่มีผู้อพยพเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายมากเกินไป
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศเม็กซิโกทุกชนิดทันที 5% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนนี้ และเตรียมที่จะขึ้นภาษีเป็น 10% ภายในวันที่ 1 กรกฏาคม 15% ภายในวันที่ 1 สิงหาคม 20% ภายในวันที่ 1 กันยายน 25% ภายในเดือนตุลาคม โดยสาเหตุหลักๆ มากจากผู้อพยพเข้าสหรัฐอเมริกาแบบผิดกฎหมายมีจำนวนมากเกินไป
ปัจจุบันมีผู้จับกุมเนื่องจากหลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายวันละประมาณ 4,500 รายตามแนวชายแดน และถูกควบคุมตัวไว้ 80,000 ราย แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมาหน่วยงานด้านตรวจคนเข้าเมืองได้รายงานว่าได้จับผู้อพยพได้หลบหนีเข้าเมืองชุดใหญ่ที่สุดถึงประมาณ 1,036 ราย ทำให้ทรัมป์ต้องออกคำสั่งเร่งด่วนนี้ออกมา
คำสั่งดังกล่าวตามมาหลังจากที่สหรัฐกำลังผลักดันข้อตกลงการค้าใหม่ ระหว่างสหรัฐ-แคนาดา-เม็กซิโก หรือที่เรียกว่า USMCA ที่จะนำมาใช้ทดแทนข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA ที่ประธานาธิบดีทรัมป์มองว่าสหรัฐเสียเปรียบจากข้อตกลงนี้
On June 10th, the United States will impose a 5% Tariff on all goods coming into our Country from Mexico, until such time as illegal migrants coming through Mexico, and into our Country, STOP. The Tariff will gradually increase until the Illegal Immigration problem is remedied,..
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) May 30, 2019
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวถึงปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายว่า สหรัฐควรที่จะสร้างกำแพงชุดใหม่ตามแนวชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก เพื่อที่จะป้องกันผู้อพยพ แต่เรื่องนี้ได้รับเสียงต่อต้านจากพรรคเดโมแครต และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ Goverment Shutdown ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2018 นั้นเม็กซิโกเป็นประเทศที่สหรัฐนำเข้าสินค้าเป็นอันดับ 2 มูลค่ากว่า 346,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ถึง 10.3% นอกจากนี้เม็กซิโกยังเป็นประเทศที่สหรัฐนำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ โดยสินค้านำเข้าหลักๆ จากเม็กซิโก เช่น ผัก ผลไม้ น้ำผลไม้ อาหารแปรรูป รวมไปถึงไวน์และเบียร์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา