หยุดท่องว่าคนไทย อ่านหนังสือ 8 บรรทัดต่อวัน เพราะผลสำรวจบอกอ่านฉ่ำวันละ 93 นาที

ใครยังเชื่อว่าคนไทยอ่านหนังสือกันวันละ 8 บรรทัดอยู่ ขอบอกเลยว่าเชยมาก เพราะข้อมูลมันเปลี่ยนไปแล้ว

read

จากงานวิจัยของ ‘สมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย’ (PUBAT) ร่วมกับ ‘คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย’ พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมการอ่านโดยรวม เฉลี่ย 93 นาทีต่อวัน และส่วนใหญ่อ่านอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ (66.66%)

แต่ถ้าเจาะมาที่หนังสือเล่มโดยเฉพาะ แบบไม่รวมหนังสือที่จำเป็นต้องอ่านอยู่แล้ว เช่น หนังสือเรียน ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 60 นาทีต่อวัน นับเป็น 2 ใน 3 ของการอ่านทั้งหมด และส่วนใหญ่อ่านราวๆ 1-2 วันต่อสัปดาห์ (35%)

นอกจากนี้ ‘สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์’ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เผยว่า คนรุ่นใหม่ในช่วงวัย 20-35 ปี หันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้นถึง 20% ส่งผลให้จากที่หนังสือนวนิยายเคยเป็นหมวดขายดีอันดับ 1 ตามร้านหนังสือต่างๆ ก็ถูกล้มแชมป์ด้วยการ์ตูนมังงะแทน

เพราะอะไรกันนะ?

คนรุ่นใหม่เบื่อโซเชียล หันมาพึ่งหนังสือเล่ม ส่วนวัยเก๋าอ่านอีบุ๊กฉ่ำ

สุวิชเล่าว่า เวลาเด็กๆ เสพโซเชียล บางทีมันก็เบื่อ หรือเกิดการท็อกซิกกัน ดังนั้น พอเขาออกมา จึงอยากหาอะไรที่ทำแล้วได้อยู่กับตนเอง และหนังสือคือสิ่งที่ดีที่สุดในการทำสมาธิ และได้รู้จักตัวเองมากขึ้น

สุวิชเสริมว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่คนรุ่นใหม่กลับมาอ่านหนังสือเยอะกว่าเดิมคือ สำนักพิมพ์ปรับตัวในการนำเสนอหนังสือรูปแบบเล่ม ทำให้หนังสือไม่ใช่แค่สิ่งที่เอาไว้อ่านเฉยๆ แต่เป็นของสะสมได้ด้วย

ขณะเดียวกัน เมื่อถามถึง ‘อีบุ๊ก’ สุวิชก็บอกว่า ตลาดนี้ยังโตขึ้นเรื่อยๆ โดยสัดส่วนเมื่อเทียบกับหนังสือเล่มแล้ว อีบุ๊กจะอยู่ที่ 47%  เทียบเท่ากับหนังสือเล่มรูปแบบกระดาษ (50%) ขณะที่หนังสือเสียงมีแค่ 3% เท่านั้น

หลายๆ คนอาจคิดว่านักอ่านสายอีบุ๊กคงเป็นเด็กรุ่นใหม่หรือกลุ่มคนที่ถนัดใช้เทคโนโลยีมากๆ แต่ความจริงคือเปล่าเลย เพราะสุวิชเผยว่า นักอ่านอีบุ๊กส่วนใหญ่คือ ‘ผู้สูงอายุ’ เพราะมันสามารถถ่างตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นได้ เหมาะกับวัยเก๋าที่มีปัญหาเรื่องสายตา โดยหมวดที่พวกเขานิยมอ่านมากที่สุดคือ นิยาย

แต่ละเพศแต่ละวัยก็ชอบอ่านหนังสือไม่เหมือนกัน

ถ้าถามว่าหนังสือหมวดไหนได้รับความนิยมมากที่สุด งานวิจัยของสมาคมฯ กับจุฬาฯ เผยว่า เอาจริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับเพศและวัยของนักอ่าน

สำหรับหนังสือกลุ่มเรื่องแต่งหรือ Fiction คือ

  • เพศชายวัย 12-19 ปี อ่านการ์ตูนมังงะมากที่สุด (48%) 
  • เพศหญิงวัย 12-19 ปี อ่านนิยายโรแมนติกมากที่สุด (63%) 
  • LGBTQ+ วัย 12-19 ปี อ่านนิยายสืบสวนสอบสวนมากที่สุด (64%) 
  • เพศชายวัย 20-29 ปี อ่านการ์ตูนมังงะมากที่สุด (59%) 
  • เพศหญิงวัย 20-29 ปี อ่านนิยายโรแมนติกมากที่สุด (58%) 
  • LGBTQ+ วัย 20-29 ปี อ่านวรรณกรรมเยาวชนมากที่สุด (62%) 
  • เพศชายวัย 30-39 ปี อ่านวรรณกรรมเยาวชนมากที่สุด (50%) 
  • เพศหญิงวัย 30-39 ปี อ่านวรรณกรรมเยาวชนมากที่สุด (58%) 
  • LGBTQ+ วัย 30-39 ปี อ่านวรรณกรรมเยาวชนและการ์ตูนมังงะมากที่สุด (59% เท่ากัน)
  • เพศชายวัย 40-49 ปี อ่านการ์ตูนมังงะมากที่สุด (48%)
  • เพศหญิงวัย 40-49 ปี อ่านวรรณกรรมเยาวชนมากที่สุด (51%) 
  • LGBTQ+ วัย 40-49 ปี อ่านนิยายสืบสวนสอบสวนและเรื่องสั้นมากที่สุด (40% เท่ากัน)
  • เพศชายวัย 50 ปีขึ้นไป อ่านนิยายสืบสวนสอบสวนมากที่สุด (33%)
  • เพศหญิงวัย  50 ปีขึ้นไป อ่านเรื่องสั้นมากที่สุด (56%) 
  • LGBTQ+ วัย  50 ปีขึ้นไป ทางสมาคมฯ ไม่พบกลุ่มตัวอย่างตามเพศและช่วงวัยนี้

สำหรับหนังสือกลุ่มเรื่องจริงหรือ Non-Fiction คือ

  • เพศชายวัย 12-19 ปี อ่านตำราเรียน/คู่มือเตรียมสอบมากที่สุด (65%) 
  • เพศหญิงวัย 12-19 ปี อ่านตำราเรียน/คู่มือเตรียมสอบมากที่สุด (74%) 
  • LGBTQ+ วัย 12-19 ปี อ่านตำราเรียน/คู่มือเตรียมสอบมากที่สุด (75%) 
  • เพศชายวัย 20-29 ปี อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากที่สุด (58%) 
  • เพศหญิงวัย 20-29 ปี อ่านหนังสือพัฒนาตนเองมากที่สุด (53%) 
  • LGBTQ+ วัย 20-29 ปี อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากที่สุด (53%) 
  • เพศชายวัย 30-39 ปี อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากที่สุด (58%) 
  • เพศหญิงวัย 30-39 ปี อ่านหนังสือพัฒนาตนเองมากที่สุด (60%)
  • LGBTQ+ วัย 30-39 ปี อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากที่สุด (52%)
  • เพศชายวัย 40-49 ปี อ่านหนังสือเรื่องเทคโนโลยีมากที่สุด (58%)
  • เพศหญิงวัย 40-49 ปี อ่านหนังสือท่องเที่ยวมากที่สุด (53%) 
  • LGBTQ+ วัย 40-49 ปี อ่านหนังสือพัฒนาตนเองมากที่สุด (53%)
  • เพศชายวัย 50 ปีขึ้นไป อ่านสารคดีมากที่สุด (59%)
  • เพศหญิงวัย  50 ปีขึ้นไป อ่านหนังสือสุขภาพมากที่สุด (59%) 
  • LGBTQ+ วัย  50 ปีขึ้นไป ทางสมาคมฯ ไม่พบกลุ่มตัวอย่างตามเพศและช่วงวัยนี้

วิกฤตร้านหนังสืออิสระคือความท้าทายของสมาคมฯ 

งานหนังสือ
‘สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์’ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย

แม้ภาพรวมการอ่านหนังสือจะดูไม่แย่มากนัก แต่จากการที่ร้านหนังสืออิสระหลายๆ เจ้าทยอยปิดตัวลงเมื่อปีที่แล้ว สุวิชมองว่า ปัญหานี้คือโจทย์ใหญ่ของสมาคมฯ

เอาจริงๆ PUBAT ก็พยายามหาทางออกอยู่ แต่สุวิชพูดตรงๆ ว่า สมัยนี้ร้านหนังสือเจ้าดังส่วนใหญ่เปิดในห้างสรรพสินค้ากันทั้งนั้น ซึ่งแปลว่า เวลาคนจะซื้อหนังสือ จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปที่ร้านสแตนด์อโลน แต่สามารถมาที่ห้างได้เลย เพราะมีครบจบทุกอย่าง

สุวิชกล่าวว่า ร้านสแตนด์อโลนที่อยู่รอด คือต้องมีเสน่ห์จริงๆ หรือมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อดึงดูดให้คนเข้าไปซื้อ

เบื้องต้น วิธีการช่วยเหลือของสมาคมฯ คือ ร่วมงานกับ ‘สมาคมนักเขียน’ เพื่อจัดกิจกรรมเสวนาในร้านของเขาเอง แต่สุวิชก็ยอมรับว่า ยังมองไม่เห็นแสงสว่าง

สำหรับร้านหนังสือเจ้าใหญ่ๆ สุวิชบอกว่า ยังโตอยู่ แต่ลดขนาดของการตั้งร้านขายตามห้างสรรพสินค้า เพราะต้องแบกค่าที่เยอะ แล้วมาขายออนไลน์แทน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นช่องทางขายไหน เงินก็ยังหมุนเวียนอยู่ในตลาด

งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติกลับมาแบบยิ่งใหญ่กว่าเดิม 

งานหนังสือ

พูดถึงหนังสือขนาดนี้ จะลืมอีเวนต์ใหญ่ของชาวนักอ่านไปได้ยังไง เพราะตอนนี้ ‘งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53’ และ ‘สัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23’ เตรียมพร้อมให้หนอนหนังสือทุกคนมาเดินช็อปปิ้งแบบจุกๆ แล้ว

โดยรอบนี้ ถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 53 ปี ระเบิด 4 ฮอลล์ของ ‘ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์’ ด้วยพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร มากกว่าครั้งล่าสุดถึง 5,000 ตารางเมตร เหมาะสมกับธีม ‘ย ยักษ์ อ่านใหญ่’ สุดๆ

ที่สำคัญ งานนี้เดินแล้วไม่เมื่อย เพราะทางสมาคมฯ ได้ร่วมมือกับ ‘กรมการแพทย์’ จัดโซนนวดคอบาไหล่ให้นักช็อปทั้งหลาย แถมยังมีโซน ‘PUBAT Cafe’ ครั้งแรกกับบูธจำหน่ายเครื่องดื่มกาแฟจากร้านดังอย่าง ‘ROWIE’S’ พร้อมเมนูพิเศษที่ขายเฉพาะงานสัปดาห์หนังสือเท่านั้น

แค่นี้ยังไม่พอ มาด้วยธีมยักษ์ทั้งที ก็ต้องมีอีเวนต์เกี่ยวกับยักษ์สักหน่อย โดยภายในงาน ทุกคนจะได้เจอกับ ‘นิทรรศการเยี่ยมยักษ์’ บ้านยักษ์ขนาดโอเวอร์ไซซ์ แถมยังมีหนังสือแนะนำมากมาย ที่สุวิชบอกว่า เป็นหนังสือธรรมดาๆ แต่ “คุณน่าจะอ่านดูนะ”

นอกจากนั้น ยังมีไฮไลต์ นิทรรศการและกิจกรรมอีกมากมาย เช่น

  • นิทรรศการแปลหนังสือไทย เพื่อเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ
  • นิทรรศการ Book Power การแสดงหนังสือที่แนะนำโดยบุคคลสำคัญของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ซอฟต์พาวเวอร์
  • นิทรรศการวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภา
  • นิทรรศการหนึ่งอ่านล้านตื่น กับกิจกรรมมอบทุนให้โรงเรียนและสถานที่ขาดแคลน เพื่อนำไปเลือกซื้อหนังสือภายในงาน
  • โครงการ PUBAT Contest มาพร้อมกับกิจกรรม ‘ย ยักษ์ นักพรูฟ’ การแข่งขันค้นหาคำผิด และ ‘ย ยักษ์ นักอ่าน’ การแข่งขันทดสอบความรู้ของนักอ่านหนังสือประเภทต่างๆ

สำหรับงานนี้ ทางสมาคมฯ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านคน และยอดขายเกิน 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงานที่แล้ว 5-10% เลย

ตั้งเป้าซื้อขายลิขสิทธิ์ของนักเขียนไทยและสำนักพิมพ์ต่างชาติกว่า 60 ล้านบาท

amway

สำหรับ ‘Bangkok Rights Fair 2025’ งานจับคู่ธุรกิจเพื่อการซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือนานาชาติ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28-29 มีนาคม 2025 ก็ยิ่งใหญ่กว่าเคยไม่แพ้กัน เพราะมาพร้อมกับสำนักพิมพ์และตัวแทนลิขสิทธิ์ กว่า 115 บริษัท จาก 14 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน

งานครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ผ่านการสนับสนุนโดย ‘กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ’ กับ ‘กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์’ 

นอกจากงานนี้จะเปิดโอกาสให้นักเขียนไทยได้พบปะกับสำนักพิมพ์ตัวแทนต่างประเทศแล้ว สมาคมฯ ยังมีแผนลงนามข้อตกลงการแลกเปลี่ยน ร่วมพัฒนางานหนังสือ และงานขายแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศกับองค์กรต่างๆ อาทิ Taiwan Creative Content Agency และ Asian Rights Fair ด้วย

สุวิชเผยว่า หลังประสบความสำเร็จจากการเจรจาธุรกิจครั้งก่อน การจัดงานครั้งนี้จึงได้รับความสนใจจากสำนักพิมพ์ และตัวแทนลิขสิทธิ์ในหลายประเทศที่กำลังมองหาผลงานของนักเขียนไทย 

โดยทางสมาคมฯ ตั้งเป้าหมายว่า อยากให้มีการเจรจาการค้า (Business Matching) มากกว่า 200 คู่ พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายลิขสิทธิ์ประมาณ 68.5 ล้านบาท

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 เท่านั้น หากใครสนใจ งานนี้จะจัดขึ้นวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2025 เวลา 10:00 – 21:00 น. ณ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

ที่มา: งานหนังสือ, PUBAT

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา