เปิดรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน เบื้องหลังหลักการ “ไม่เลือกปฏิบัติ” ของรัฐบาล

ไทยและจีนมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้นในช่วงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ท่าทีของรัฐบาลรวมถึงนโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีนก็มีลักษณะเอื้อประโยชน์และสนับสนุนจีน

รัฐไทยมีทีท่าโอนอ่อนกับจีนแม้ว่าประเทศอื่นจะเพ่งเล็งไปที่จีนในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อจีนประกาศเปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยก็ไม่ได้มีมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนเหมือนกับประเทศอื่น ๆ  เแม้ว่าไทยจะเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวจีนมาอย่างยาวนาน

มาตรการของประเทศต่าง ๆ ต่อนักท่องเที่ยวจีน

หลังจากจีนประกาศเปิดประเทศ บรรดาประเทศต่าง ๆ ทั้งสหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ อินเดีย รวมทั้งประเทศในสหภาพยุโรปอย่างสเปนต่างประกาศมาตรการคัดกรองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างการกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อน หรือแม้แต่การจำกัดเที่ยวบินนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศ 

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2023 เป็นต้นไป พร้อมแสดงท่าทีกังวลว่าข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิดของจีนที่เผยแพร่ออกมาไม่ได้มีมากพอทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ ทั้งสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอยู่ในจีนที่อาจจะแตกต่างจากประเทศอื่นเพราะจีนปิดประเทศเป็นระยะเวลานาน ส่วนข้อมูลที่มีอยู่ สหรัฐอเมริกาก็ไม่เชื่อมั่นว่าเป็นข้อมูลที่โปร่งใส

ทางฝั่งจีนแสดงท่าทีไม่พอใจและดำเนินมาตรการโต้กลับกับประเทศที่มีมาตรการคัดกรองโควิดที่เพ่งเล็งนักท่องเที่ยวจีนเป็นพิเศษ โดยในวันที่ 10 มกราคม สถานทูตเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในจีนเริ่มระงับการออกวีซ่าระยะสั้นให้กับผู้ที่จะเดินทางจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเข้าจีนแล้ว

ย้อนกลับมาดูฝั่งไทยบ้าง เมื่อวันที่ 5 มกราคม นโยบายของรัฐบาลไทยในการคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด มีเพียงการเน้นย้ำจากคณะกรรมการด้านวิชาการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่าการพิจารณามาตรการควรคำนึงถึงหลักการเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ

ความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติเป็นแนวคิดที่ดีที่ควรปฏิบัติต่อคนทุกคน แต่การไม่เลือกปฏิบัติดูจะผิดประเด็นไปสักหน่อยหากนำมาปรับใช้กับกรณีนี้ที่รัฐบาลควรคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนในประเทศ 

นายอนุทิน ชาญวีรกุล เข้าต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนไฟล์ทแรกด้วยตนเองในวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจีนเปิดประเทศ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มกราคม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ยกเลิกมาตราการตรวจหลักฐานในรับรองวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศ พร้อมเดินทางต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนไฟล์ทแรกจำนวน 296 คนด้วยตัวเอง

ทำไมไทยจึงไม่ใช้นโยบายแบบเดียวกับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา? รายได้และความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้รัฐบาลไทยมีปฏิกิริยาอ้าแขนรับนักท่องเที่ยวจีนหรือไม่?

นักท่องเที่ยวจีนกับเศรษฐกิจไทย

รายได้ของไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลักและแน่นอนว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของไทยก็มาจากจีน ในช่วงปี 2015-2020 นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากที่สุดก็คือนักท่องเที่ยวจีน

ในปี 2019 ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยเกือบ 40 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 11 ล้านคน ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดราว 1.9 ล้านล้านบาท และรายได้ที่ไทยได้จากนักท่องเที่ยวจีนมีมูลค่า 5.3 แสนล้านบาท เท่ากับว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นเกือบ 28% จากรายได้การท่องเที่ยวทั้งหมด เท่ากับว่าไทยพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวจีนอย่างมาก

ในปี 2020 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงมากถึง 88% โดยมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยราว 1.2 ล้านคน ทำให้เศรษฐกิจของไทยซบเซาลงอย่างมาก เมื่อจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมรัฐบาลไทยจึงเต็มใจอ้าแขนรับนักท่องเที่ยวจีน

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยหลังจีนเปิดประเทศ

ภาคส่วนการท่องเที่ยวของไทยทำรายได้มหาศาลจากนักท่องเที่ยวจีนอย่างที่กล่าวไป คำถามคือเมื่อจีนเปิดประเทศแล้ว เศรษฐกิจไทยจะกลับไปอู้ฟู่เหมือนช่วงก่อนโควิด-19 หรือไม่

มีการวิเคราะห์แนวโน้มการเดินทางออกนอกประเทศจีนจากหลายสำนัก สำนักข่าว Bloomberg คาดการณ์ว่าอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่คนจีนจะเดินทางออกนอกประเทศในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดไวรัสโควิด-19 จากสาเหตุทางฝั่งจีนด้วยและจากฝั่งประเทศปลายทางด้วย

จีนยังคงมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากในหลายเมือง ทำให้สุขภาพทั้งทางร่างกายและทางจิตใจยังไม่พร้อมเดินทางไกล ทำให้ภาคส่วนการท่องเที่ยวในประเทศจีนเติบโตมากกว่าการท่องเที่ยวนอกประเทศ ทัวร์ออกนอกประเทศมีราคาแพงมากขึ้นเพราะมีนักท่องเที่ยวน้อย ไฟล์ทบินออกนอกประเทศยังมีน้อยกว่าไฟล์ทบินในประเทศ จนองค์กร UBS ของจีนคาดว่าอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนจนถึงปี 2024 กว่าการท่องเที่ยวจะกลับสู่ระดับเดียวกับก่อนโควิด-19

ส่วนการท่องเที่ยวประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมไปรวมถึงไทยก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เพราะพิษโควิด-19 ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแหล่งต้องหยุดชะงักลงหรือซบเซาลงเพราะเจ้าของธุรกิจไม่สามารถแบกต้นทุนไหว การปลดคนในภาคการท่องเที่ยวก็ทำให้บางแห่งยังเผชิญปัญหาการขาดแคลนคนที่จะดูแลต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ในช่วงตรุษจีนซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนมักจะเดินทางมาเที่ยวกัน เราอาจจะยังไม่เห็นนักท่องเที่ยวจีนเท่าไรนัก

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกุล คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสแรกจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยราว 300,000 คน และเดือนมกราคมจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 60,000 คน

ส่วนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าในช่วงไตรมาสแรกจะมีนักท่องเที่ยวจีน 300,000 คนซึ่งมากกว่านักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดในปีที่แล้วที่อยู่ที่ราว 2.7 แสนคน และททท. ตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวจีน 5 ล้านคนภายในปี 2566 จากช่วงก่อนโควิด-19 ที่มีราว 11 ล้านคน

แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าเน้นมาตราการไม่เลือกปฏิบัติ แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลไทยจะพยายามเอาใจนักท่องเที่ยวจีนมากกว่าประเทศอื่นซึ่งอาจเป็นเพราะไทยพึ่งพาเม็ดเงินจากจีนจำนวนมหาศาล ประกอบกับจีนมีอิทธิพลอย่างมากต่อไทยจนรัฐบาลไทยคงไม่อยากเผชิญกับมาตรการเอาคืนแบบเกาหลีใต้และญี่ปุ่น แม้ว่ามาตรการที่หละหลวมของไทยอาจจะทำให้ประชาชนต้องระมัดระวังมากขึ้นโดยเริ่มที่ตัวเองก่อนแทนที่จะหวังพึ่งมาตรการจากรัฐบาล 

ที่มา – CNA, Bloomberg, ศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ, รัฐบาลไทย, BBC 1, BBC 2, BBC 3

อ่านเพิ่มเติม

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา