เรียบเรียงโดย: รัตณษร อุ่นจิตร และเพ็ญพิชชา ขุนสุทน
แม้สถานการณ์วัคซีนในไทยยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดูได้จากการประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนของทางภาครัฐ แต่ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกลับมีวัคซีนเหลือให้ประชาชน บทสัมภาษณ์นี้พาไปดูกรณีของคนไทยในสหรัฐอเมริกา
Brand Inside สัมภาษณ์คนไทยที่ขับรถบรรทุกในสหรัฐอเมริกา เขาใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า แอชต้น คุชเชอร์
คุณแอชต้นบอกว่า เขาได้รับวัคซีนโควิดครบทั้ง 2 เข็มแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ดูเป็นเรื่องปกติของคนในอเมริกา แต่ที่น่าสนใจคือคุณแอชต้นรับวัคซีนที่ร้านขายยา และทั้งสองเข็มฉีดคนละที่!
เรื่องราวการรับวัคซีนก็ได้ถูกแชร์ผ่านทางทวิตเตอร์ของคุณแอชต้นเอง
ผมทำงานขับรถบรรทุก เข็ม 1 กับเข็ม 2 ก็เลยต้องฉีดคนละที่กัน เพราะเราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับที่
เข็ม 1 ฉีดที่บ้าน(รัฐ Illinois)
เข็ม 2 ขับผ่านเมืองไหนแวะฉีดเมืองนั้นเลย (พอดีผ่านเมือง Amarillo รัฐ Texas)ทำแบบนี้ที่ร้าน Walgreens สาขาไหนก็ได้
วัคซีนเหลือเพียบ pic.twitter.com/mec44lHqxy— แอชต้น คุชเชอร์ (@tkjr007) June 14, 2021
คนไทยขับรถบรรทุกในอเมริกา เล่าประสบการณ์ฉีดวัคซีน
คุณแอชต้นคือคนไทยที่เพิ่งเริ่มอาชีพขับรถบรรทุกในอเมริกา เขาบอกกับเราว่า “ผมเพิ่งเริ่มทำงานขับรถบรรทุกที่นี่ได้ 2 เดือนครึ่งเองครับ เพิ่งเริ่มหัดขับเดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นน้องใหม่ในวงการเลย ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฝึกงานกับบริษัทกับครูฝึกอีก 1 คนครับ อีก 2 อาทิตย์ผมจะได้รถของตัวเอง และเริ่มทำงานด้วยตัวเองเต็มตัว”
คุณแอชต้นได้แชร์ประสบการณ์การฉีดวัคซีนให้เราฟังซึ่งดูสะดวกมากๆ “ผมแค่เข้าไปในเว็บร้าน Walgreens แล้วเช็คว่าวัคซีนสาขาใกล้ ๆ ที่เราอยู่ และวัคซีนยี่ห้อที่เราต้องการว่าว่างไหม ถ้าว่างก็เลือกวันและเวลาที่ต้องการฉีดวัคซีนผ่านเว็บได้เลยครับ แล้วก็ไปตามนัดที่เราเลือก ใช้แค่บัตรประชาชนเท่านั้นครับ”
ผมเป็นคนขับรถบรรทุกน้องใหม่ล่าสุดในบรรดาคนไทยที่นี่ครับ
ผมเพิ่งเริ่มขับได้ 2 เดือนครึ่ง
ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเทรนงานกับครูฝึกนี่คือครูฝึกของผม ประสบการณ์ 5ปี
ที่บริษัทของผม ช่วงเทรนงานคือจะต้องสลับกันขับกับครูจนครบ 30,000 ไมล์(48,280 ก.ม)ผมถึงได้รถของตัวเองแล้วเริ่มขับคนเดียว pic.twitter.com/12LgLIDqlf
— แอชต้น คุชเชอร์ (@tkjr007) June 16, 2021
ด้วยอาชีพขับรถบรรทุก คุณแอชต้นจึงต้องเดินทางระยะไกลอยู่บ่อยๆ จึงไม่สะดวกที่จะฉีดวัคซีนเข็มที่สองในร้านแรกที่ฉีด ในกรณีนี้ รัฐ Illinois และ Texas ห่างกันมากกว่า 1,400 กิโลเมตรเลยทีเดียว
ไกลเท่าไหนไม่หวั่น เพราะมีเครือข่ายร้านขายยาทั่วประเทศ
คุณแอชต้นอธิบายว่า “ที่บอกว่าฉีด 2 เข็ม คนละที่ จองผ่านร้านขายยา ปรับเปลี่ยนได้ ไม่ต้องกลัววัคซีนหมด ผมหมายถึงการที่ Walgreens จะให้เราจองพร้อมกัน 2 เข็ม แต่เมื่อเราฉีดเข็มแรกแล้วเราสามารถโทร. ไปยกเลิกเข็มที่ 2 แล้วจองใหม่ เปลี่ยนสถานที่ที่ต้องการฉีดเข็มที่ 2 เป็นที่ไหนก็ได้ในสหรัฐอเมริกาครับ”
“ถ้า Walgreens สาขานั้นมีวัคซีนยี่ห้อเดียวกับตัวที่เราฉีดเข็มที่ 1 ซึ่งผมพบว่าการเปลี่ยนสถานที่รับวัคซีนมันง่ายมาก ๆ ผมจึงทวิตไปว่า วัคซีนเหลือเพียบ”
อย่างไรก็ตาม บริษัท Walgreens เป็นหนึ่งใน 21 ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ Federal Retail Pharmacy Partners หรือโครงการพาร์ทเนอร์ร้านขายยาเอกชนที่เข้าร่วมกับทางรัฐในการให้บริการฉีดวัคซีนทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
Walgreens เป็นเครือร้านขายยาที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2020 มีสาขาทั่วประเทศถึง 9,021 สาขาและอีกสี่พันกว่าสาขาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยในฐานะ Boots ที่มีบริษัทแม่เดียวกันอีกด้วย
อีกทั้ง ด้วยความที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการให้ 70% ของประชาชนในประเทศได้รับการฉีดวัคซีนก่อนวันชาติสหรัฐอเมริกาวันที่ 4 ก.ค. นี้ จึงมีการอำนวยความสะดวกให้ฉีดวัคซีนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
รัฐเร่งฉีดวัคซีน พร้อมฉลองวันชาติ
คุณแอชต้นเล่าให้ฟังด้วยว่า “รัฐบาลสหรัฐร่วมมือกับ Uber ให้พาคนไปฉีดวัคซีนฟรีถึงวันชาติ 4 ก.ค. ครับ ทั้งขาไปและขากลับ แต่ละครั้งระยะทางต้องต้องไม่เกิน $25 (ประมาณ 795 บาท) น่าจะเป็นการกระตุ้นให้คนรีบฉีดจะได้เฉลิมฉลองกันในวันที่ 4 ก.ค. ครับ”
นอกจากจะมีบริการขนส่งฟรีจากทั้ง Uber และ Lyft แล้ว ยังมีการจัดศูนย์ฉีดวัคซีนตามชุมชนต่างๆ เช่น ตามสถานศึกษาและชุมชนที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองอีกด้วย
ด้านของทางเลือกในการฉีดวัคซีน คุณแอชต้นเลือกฉีดวัคซีนของ Pfizer ทั้ง 2 เข็ม เขาบอกว่า “เจ็บแขนข้างที่ฉีดนิดหน่อยประมาณ 1 วันเท่านั้น” ไม่ได้มีอาการข้างเคียงอะไรเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ทางสหรัฐอเมริกาอนุมัติการฉีดวัคซีน 3 ยี่ห้อคือ Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson
แม้ทางเลือกวัคซีนมากมาย แต่ยังคงมีผู้ที่ต่อต้าน
คุณแอชต้นได้เล่าให้เราฟังว่าในอเมริกายังมีคนที่ไม่อยากฉีดวัคซีนอยู่ ด้วยความที่เป็นดินแดนสุดแสนจะเสรีจึงมีคนเลือกที่จะสมัครใจไม่ฉีด
“คนรอบตัวผมที่นี่มากกว่าครึ่งไม่ฉีดวัคซีนกันนะครับ ทั้งคนไทยและฝรั่ง ตามประสาอเมริกันชนที่ไม่ค่อยชอบโดนบังคับให้ทำอะไร ทั้ง ๆ ที่ๆ นี่มีวัคซีนตัวที่ดีที่สุดให้ฉีด ถึงกับต้องออกแคมเปญรณรงค์แจกทั้งเงินท้ังของให้ออกไปฉีดวัคซีนกัน”
นอกจากกระแสต่อต้านวัคซีนด้วยความเชื่อผิดๆ จากคนบางกลุ่มในสหรัฐ ก็ยังมีกรณีการเลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนเพราะความไม่แน่ใจ จากการศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) พบว่าจากการสำรวจผู้ใหญ่ มีจำนวนไม่ถึงครึ่งที่เต็มใจจะฉีดวัคซีน
ในไทยเองนั้นยังติดอยู่กับทางเลือกวัคซีนที่ยังคงมีน้อย และเข้าถึงยากเมื่อเทียบกับมาตรการแจกจ่ายวัคซีนของสหรัฐ อย่างการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น ‘หมอพร้อม’ ก็ติดขัดเนื่องจากระบบไม่รองรับผู้เข้าใช้งานจำนวนมาก และอีกทางคือลงทะเบียนกับโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถเลือกชนิดของวัคซีนได้ ในกรณีที่ต้องการทางเลือกวัคซีนจะมีค่าใช้จ่ายหลักหลายพันบาท
ลด แลก แจก แถม กับแคมเปญกระตุ้นให้คนมาฉีดวัคซีน
นอกจากนี้คุณแอชต้นก็ได้พูดถึงแคมเปญเชิญชวนคนมาฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นแคมเปญจากทั้งรัฐบาลและเอกชน เช่น การจูงใจให้คนมาฉีดวัคซีนด้วยการลดค่าบัตรคอนเสิร์ตสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ในรัฐแคลิฟอร์เนียก็มีงบประมาณสำหรับใช้เป็นรางวัลจูงใจ หรือในโอไฮโอมีทั้งแจกหวยเสี่ยงโชคและสุ่มแจกทุนการศึกษา
สำหรับนโยบายกระตุ้นการเข้ารับวัคซีนในไทยจะเห็นแคมเปญจากฝั่งเอกชนมากกว่า เช่น การลด แลก แจก แถม ของร้านอาหารสำหรับผู้ที่แสดงหลักฐานว่าฉีดวัคซีนแล้ว นอกจากนี้ก็มีระดับจังหวัดที่มีโครงการแจกสัตว์ แจกทอง หรือสุ่มแจกเงิน
สรุป
ด้วยความพร้อมของวัคซีนในอเมริกาที่มีเพียงพอกับความต้องการ ประชาชนจึงสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างสะดวก เห็นได้ชัดจากกรณีของคุณแอชต้น ด้วยอาชีพที่ต้องเดินทางตลอดเวลาแต่สามารถทำเรื่องเข้าไปฉีดวัคซีนได้ไม่ยาก หวังว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทางรัฐบาลสามารถจัดสรรวัคซีนได้ดีขึ้นในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา