บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (innovestX) คาดการณ์ว่า การเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index วันนี้ (21 ส.ค.) มีแนวรับ – แนวต้านอยู่ที่ 1,510/1,500 – 1,530/1,540 จุด ทั้งนี้มองว่า SET Index อยู่ในช่วงท้ายของการพักฐาน โดยหากการโหวตนายกวันที่ 22 ส.ค. ได้ข้อสรุปมีโอกาสที่ดัชนีปรับขึ้นทดสอบกรอบบนที่ 1,550-1,560 จุดและคาดจะเห็น Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้น คาดยังถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่การประชุมแจ็กสันโฮล (24-26 ส.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ทำให้คาด SET ยังมี Upside จากัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ทั้งนี้ในภาพรวมมองว่า SET Index Upside จำกัด แม้ปัจจัยการเมืองใน ประเทศมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเรื่องการชะลอตัวของ เศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังน้ี
- 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรมสำหรับโอกาสเก็งกำไรในครึ่งปีหลังปี 2566 ซึ่งคาดว่ากำไรจะเติบโตทั้งเทียบกับช่วงครึ่งปี และช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ PTT, BCP, KCE, HANA, BDMS, BCH, AOT, ERW
- หุ้นที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรในครึ่งปีแรกปี 66 ซึ่งคิดเป็นอัตราเงินปันผลราว 2% ได้แก่ SPALI (XD 22 ส.ค.), LH (XD 24 ส.ค.), HTC (XD 24 ส.ค.), AH (XD 29 ส.ค.)
- นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK, GULF, CRC, HMPRO
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสาหรับหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจาก ปรากฎการณ์เอลนีโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่
- กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL)
- กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD)
- กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY)
- กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง)
- กลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่า จากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index เคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงตามทิศทางหุ้นต่างประเทศ โดยปรับตัวลดลงในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางแรงกดดันจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ และการยื่นล้มละลายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน
เมื่อวันศุกร์ (18 ส.ค.) SET Index ปิดที่ระดับ 1,519.12 จุด ลดลง 1.04% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 54,486.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.90% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.24% มาปิดที่ระดับ 458.69 จุด
สำหรับสัปดาห์นี้ (21-25 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่าดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,505 และ 1,485 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,540 และ 1,560 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
ได้แก่
- ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/66
- ตัวเลขส่งออกเดือนก.ค. ของไทย
- สถานการณ์การเมืองในประเทศ
- ทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนก.ค. ดัชนี PMI เดือนส.ค. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนส.ค. ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เดือนส.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่นและยูโรโซน
ที่มา – บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์, บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
อ่านเพิ่มเติม
- เอเซีย พลัส คาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ในกรอบแคบ 1,520-1,535 จุด จับตาความผันผวนโลก-การเมืองไทย
- เกียรตินาคินภัทร แนะปรับพอร์ตลงทุน เน้นเงินสด-ตราสารหนี้-อสังหาฯ ต่างประเทศลดเสี่ยง Recession
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา