ไทยมี CFO หญิงมากเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ยังแพ้เวียดนามอยู่ดี จากรายงาน Credit Suisse

ประเทศไทยมีความหลากหลายทางเพศระดับต้นๆ ในตำแหน่งระดับสูง

ประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ในด้านความหลากหลายทางเพศในตำแหน่งผู้บริหารระดับอาวุโส จากการรายงาน CS Gender 3000 ประจำปี 2021 โดย Credit Suisse Research Institute (CSRI) 

โดยสิ่งที่น่าสนใจจากรายงานฉบับนี้คือ ประเทศไทยมีอัตราส่วนของผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) มากที่สุดอันดับ 2 ของโลก โดยเกือบครึ่งหนึ่งของ CFO จากบริษัท 60 แห่งในไทยเป็นผู้หญิง

ที่สำคัญ ประเทศไทยยังมีสัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) มากเป็นอันดับ 5 ของโลก อยู่ที่ประมาณ 16.1%

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนผู้หญิงในตำแหน่งบริหารมากเป็นอันดับ 4 ของโลก อยู่ที่ 29% 

ความหลากหลายทางเพศของตำแหน่งระดับสูงในระดับโลก

ยุโรปและอเมริกาเหนือมีอัตราส่วนผู้หญิงในตำแหน่งผู้บริหารมากที่สุด แต่ความแตกต่างระหว่างอัตราส่วนในสองภูมิภาคนี้กับภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกนั้นน้อยมากคือ 1% เท่านั้น

ที่สำคัญ 5 ใน 10 อันดับแรกของประเทศที่มีผู้หญิงเป็นผู้บริหารในอัตราส่วนสูงสุด ได้แก่ ประเทศจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) โดยมีเวียดนาม (34%) ฟิลิปปินส์ (31%) และไทย (29%) ครองสามอันดับแรก ในขณะที่ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ อยู่ในอันดับถัดมาที่ 27% 

แต่ในทางกลับกัน อินเดีย (ร้อยละ 10) เกาหลีใต้ (ร้อยละ 8) และญี่ปุ่น (ร้อยละ 7) ครองสามอันดับสุดท้าย

เอเชียโดดเด่น มี CEO และ CFO หญิงเยอะติดระดับโลก

แต่ที่น่ากังวลคือ จำนวนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ที่เป็นผู้หญิงคิดเป็นเพียง 5.5% ของประธานเจ้าหน้าที่บริหารทั้งหมด แม้จะเพิ่มขึ้นมากว่า 27% ก็ตาม

โดยสามประเทศในเอเชียติด 5 อันดับสูงสุดของประธานเจ้าหน้าที่บริหารหญิงของโลก 

  • อันดับ 1 นอร์เวย์ (25%)
  • อันดับ 2 สวีเดน (19%)
  • อันดับ 3 เวียดนาม (16.7%)
  • อันดับ 4 สิงคโปร์ (16.3%)
  • อันดับ 5 ไทย (16.1%)

จำนวนประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) ที่เป็นผู้หญิงคิดเป็น 16% ของตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินทั่วโลก เพิ่มขึ้น 17%

โดย สัดส่วน CFO หญิงในเอเชียแปซิฟิกสูงกว่าอเมริกาเหนือและยุโรป และที่สำคัญสามประเทศในเอเชียติด 3 อันดับสูงสุดของประธานเจ้าหน้าที่บริหารหญิงของโลก 

  • อันดับ 1 เวียดนาม (58%)
  • อันดับ 2 ไทย (49%)
  • อันดับ 3 สิงคโปร์ (40%)

พลังแห่งความหลากหลาย “Diversity premium”

แม้จะไม่ได้ระบุเหตุผลรองรับที่แน่ชัด แต่รายงาน Gender 3000 ฉบับก่อน ๆ ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทที่มีความหลากหลายทางเพศกับผลสัมฤทธิ์องค์กรและผลประกอบการหุ้นที่โดดเด่นกว่า หรือที่เรียกว่า พลังแห่งความหลากหลาย “Diversity Premium” 

การศึกษาพบว่าข้อสรุปนี้ยังคงเป็นจริงอยู่ ด้วยคะแนนอัลฟ่า 200 bp ที่ประเมินผลมาจากกลุ่มบริษัทที่มีความหลากหลายทางเพศสูงกว่าค่าเฉลี่ย เทียบกับบริษัทที่มีความหลากหลายทางเพศต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งในความเหนือกว่านั้นยังรวมไปถึงคะแนนด้านเป้าหมายสู่ความยั่งยืน ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ด้วยเช่นกัน 

รายงานฉบับล่าสุดยังชูประเด็นข้อค้นพบสำคัญอีกว่า บริษัทที่มีผลประกอบการโดดเด่นที่สุดต่างก็มีความหลากหลายทางเพศที่โดดเด่น ทั้งในระดับคณะกรรมการบริหารและตำแหน่งผู้บริหารอาวุโส (C-suite)

ที่มา – Credit Suisse

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา