เมื่อวานนี้ มีข่าวว่า Shopee เตรียมเลย์ออฟพนักงานครั้งใหญ่ อย่างในกรณีไทย ก็มีข้อมูลว่าจะมีการเลย์ออฟพนักงานกว่า 50% ในธุรกิจ ShopeeFood และ ShopeePay เลยทีเดียว
ภาพรวมของบริษัทเทคโนโลยีในระดับโลกก็ไม่ต่างกัน เพราะดูเหมือนว่าปี 2022 อาจจะไม่ใช่ปีทองของบริษัทสายเทคสักเท่าไหร่ เพราะถ้าดูจากดัชนีหุ้น NASDAQ ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดชั้นดีของบริษัทสายเทคจะพบว่าราคาร่วงลงมาเกือบ 1 ใน 3 ภายในปีเดียวเท่านั้น และถ้ามองแค่เดือนที่ผ่านมาก็ร่วงลงไปแล้วกว่า 7%
และถ้าเราลองมาดูภาพที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง จะพบว่าในเดือนมิถุนายน แม้จะเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งเดือน แต่กลับมีการเลิกจ้างราว 7,000 ตำแหน่งในบริษัทสายเทค แถมเมื่อเดือนก่อนมีตัวเลขว่ามีการเลิกจ้างไปกว่า 16,000 ตำแหน่งจากข้อมูลของ Layoffs.fyi เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลการเลย์ออฟที่สร้างขึ้นตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และที่สำคัญคือมีบริษัทหลายออกมาบอกว่าจะลดพนักงาน โดยบางบริษัทอาจเลิกจ้างพนักงานกว่า 1 ใน 4 เลยทีเดียว
Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ คือรายล่าสุดที่มีการประกาศเลิกจ้างครั้งใหญ่ โดยบริษัทระบุว่ามีแผนที่จะลดพนักงานลง 18% หรือ 900 คน จากพนักงานทั้งหมดเกือบ 5,000 คน
สาเหตุสำคัญของการเลิกจ้างที่บริษัทได้แจ้งต่อพนักงานผ่านอีเมลคือภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหลังจากเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดย ซีอีโอของบริษัทอย่าง Brian Armstrong ชี้แจงอีกด้วยว่า ภาวะถดถอยคราวนี้จะนำไปสู่ฤดูหนาวอีกหนึ่งครั้งของวงการคริปโทเคอเรนที่ยืดเยื้อยาวนาน
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทสายเทคอีกจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจเลิกจ้างครั้งใหญ่ จากข้อมูลของ Layoffs.fyi เช่น
- OneTrust บริษัทโซลูชั่นความปลอดภัย วางแผนเลย์ออฟพนักงาน 25% (950 คน)
- StitchFix บริษัทให้คำแนะนำด้านแฟชั่นออนไลน์ เลย์ออฟพนักงาน 15% (330 คน)
- Crypto.com ศูนย์แลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี เลย์ออฟพนักงาน 5% (260 คน)
- BlockFi ผู้ให้บริการกู้ยืมคริปโทเคอร์เรนซี เลย์ออฟพนักงาน 20% (250 คน)
ดูข้อมูลการเลย์ออฟในเดือนที่ผ่านมาของบริษัทอื่นๆ เพิ่มเติม ที่นี่
Fast Company เขียนถึงปรากฏการณ์เลิกจ้างในช่วงนี้เอาไว้ว่า “อาจจะยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะตลาดคริปโทฯ ร่วงหนักสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังดิ่งอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อที่ทำให้ VC ยังอยู่ในโหมดระวังตัวเอง ทำให้บริษัทเทคจำนวนมากต้องรัดเข็มขัดต่อไป ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการเลิกจ้างที่อาจดำเนินไปต่อไป”
ที่มา – Fast Company
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา