บริษัทเทคเจอโจทย์ใหญ่: ต้องเข้าถึงข้อมูลควบคุมคอนเทนต์ละเมิดเด็ก แต่ฝั่งผู้ใช้กังวลความเป็นส่วนตัว

ปัจจุบันผู้ให้บริการเทคโนโลยีเจ้าใหญ่อย่าง Google Facebook และ Apple มีนโยบายตรวจสอบรูปภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับภาพอนาจารเด็ก และมีมาตรการปกป้องบัญชีผู้ใช้และข้อมูลของเด็กที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์

Big Tech ออกมาตรการควบคุมบัญชีผู้ใช้เยาวชน

ทาง Google ได้ออกมาประกาศว่าวิดีโอที่อัปโหลดบน Youtube โดยผู้ใช้อายุ 13-17 ปีจะถูกตั้งให้เป็นบัญชีส่วนตัวโดยอัตโนมัติ และจะมีเฉพาะผู้ใช้ที่ตั้งค่าไว้ที่จะสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้

นอกจากนี้บริษัทกล่าวว่าจะเริ่มอนุญาตให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 18 ปี หรือพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถส่งคำขอเพื่อลบภาพผู้เยาว์ออกจากผลการค้นหาใน Google Image และยังบอกอีกว่าจะปิดฟีเจอร์การเก็บประวัติพิกัด (location history) สำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีทั้งหมดพร้อมยกเลิกช่องทางให้กลับมาเปิดใช้

ภาพจาก Shutterstock

การประกาศของ Google เกิดขึ้นหลังจากนโยบายของ Facebook ที่จะปกป้องผู้ใช้งานกลุ่มวัยรุ่นบน Instagram โดยบัญชีผู้ใช้ของเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีจะถูกตั้งค่าเริ่มต้นเป็น private นอกจากนี้ยังมีประกาศพัฒนา Instagram สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีออกมาเช่นกัน

ฝั่งผู้ใช้รายอื่นกังวลในความปลอดภัยของข้อมูล

ในขณะเดียวกัน Apple ก็มีระบบสแกนภาพถ่ายเพื่อหาภาพอนาจารเด็ก (CSAM) โดยจะสแกนโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ก่อนที่จะอัปโหลดลง iCloud เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการจะไม่มีภาพอนาจารเกี่ยวกับเด็ก

แต่นโยบายนี้เองก็ได้สร้างความกังวลแม้กระทั่งในหมู่พนักงาน Apple เองว่าฟีเจอร์นี้อาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่ริดรอนเสรีภาพของประชาชนนำมาใช้เพื่อเป็นข้อมูลในการจับกุมและเซ็นเซอร์

Apple iPhone ไอโฟน แอปเปิล
ภาพจาก Shutterstock

พนักงานยังมีความกังวลอีกว่า Apple กำลังทำลายภาพลักษณ์บริษัทที่ขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทเคยถูกโจมตีด้วยข้อกล่าวหาว่าส่งข้อมูลของผู้ใช้ในจีนให้กับรัฐบาลจีนแต่ก็ได้ออกมายืนยันว่าบริษัทยังคงรักษามาตรฐานในการดูแลความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอย่างถึงที่สุด

สรุป

ความกังวลในความปลอดภัยของข้อมูลเด็กบนโลกออนไลน์เป็นประเด็นที่หลายคนกังวลมากขึ้น บริษัทเทคโนโลยีหลายเจ้าจึงได้ออกมาตรการควบคุมการใช้งาน แต่ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้รายอื่นซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่บริษัทเทคเหล่านี้ต้องเผชิญและหาทางออกต่อไป

ที่มา: The New York Times, Reuters (1), (2)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา