ในอดีตการมีรอยสักค่อนข้างสร้างปัญหาให้กับคนอยากสักไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องสมัครงานที่จะต้องถูกตั้งคำถามจากว่าที่นายจ้างหรืออย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจหากจะรับเข้าทำงาน แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปแล้ว คนวัย 20-30 ปีขึ้นไปนิยมสักมากขึ้น ผลวิจัยเกี่ยวกับประเด็นนี้ก็สะท้อนชัดเจนเลยว่า มุมมองเกี่ยวกับรอยสักบนร่างกายของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
งานวิจัยโดย LinkedIn ก็ระบุเช่นนี้ว่า ชาวอเมริกันราว 60% ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นิยามสำหรับคำว่ามืออาชีพนั้นเปลี่ยนแปลงไปแล้วนับตั้งแต่โควิดระบาด หลายคนบอกว่ามันเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพากับคนยุคใหม่ ผลการศึกษาจากคนทำงานราว 2,000 คน พบว่า คน Gen Z ไม่ได้เชื่อเรื่องภาพลักษณ์ภายนอกของคนทำงานแบบในอดีตแล้ว
น้อยกว่า 40% ด้วยซ้ำที่คิดว่าคนทำงานจะต้องรักษาภาพลักษณ์ที่เป็นเพียงเปลือกนอกนี้ในแบบเดิมอีกต่อไป เรื่องนี้ก็รวมถึงการต้องปกปิดรอยสักด้วย ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ ผลสำรวจจาก Ipsos ยังพบอีกว่าคนรุ่นใหม่กว่า 40% มีรอยสัก เมื่อเทียบกับคนรุ่นบูมเมอร์มีเพียง 13% เท่านั้น
รายงานจาก Ipsos ระบุว่า 1 ใน 4 ของคนอเมริกันมีรอยสัก
- นับตั้งแต่ปี 2012 คนอเมริกันราว 1 ใน 5 หรือราว 21% มีรอยสักเทียบกับปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 26%
- คนอเมริกันมีรอยสักหลายแห่งเพิ่มขึ้น 17% ขณะที่รอยสักแห่งเดียวมีเพียง 9%
- จำนวน 2 ใน 5 ของคนรุ่นใหม่มีรอยสักอย่างน้อย 1 แห่งราว 44% เทียบกับคน Gen X มีเพียง 32% ขณะที่คนรุ่น Boomer มีเพียง 13%
- คนที่มีรอยสักส่วนใหญ่มีความสุขกับรอยสักนั้น 88% มีเพียง 12% ที่รู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจสัก ขณะที่คนรุ่น Boomber ส่วนใหญ่เสียใจที่ตัดสินใจสัก 19%
- รอยสักส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีโควิดระบาดในช่วงมีนาคม 2020 ราว 95%
งานวิจัยและผลสำรวจเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าทัศนคติของผู้คนที่มีต่อรอยสักนั้น ผ่อนคลายมากขึ้น รอยสักไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ต่อลูกค้าเปลี่ยนไป รอยสักไม่ได้ทำให้ลูกค้าสั่งซื้อน้อยลงเพียงเพราะพนักงานมีรอยสัก ด้าน Enrica Ruggs นักเขียนและอาจารย์ด้านธุรกิจจาก University of Houston ระบุว่า งานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่า ผู้จัดการไม่กล้าที่จะจ้างงานพนักงานที่มีรอยสักเพราะพวกเขาคิดว่าลูกค้าอาจจะตัดสินใจปฏิเสธ ไม่ซื้องาน และอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่เราพบแล้วว่าความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น
ขณะที่ Elli Blonde ทำงานด้านการเงินตั้งแต่ปี 2014 เธอบอกว่า สถาบันการเงินที่ทำงานด้วยจะมีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับภาพลักษณ์มาก พวกเขาจะถามถึงรอยสักเสมอแม้ว่าจะมีความพยายามในการปกปิดรอยสักแล้วก็ตาม ปัจจุบันเธอทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการกับหน่วยงานรัฐบาลกลางแล้ว เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการโชว์รอยสักในที่ประชุมกับลูกค้า คนพวกนั้นเขาดูที่คุณภาพของงานมากกว่าจะมาตัดสินแค่เรื่องรอยสัก
อย่างไรก็ดี ก็ยังมีบางพื้นที่ที่ยังปกปิดรอยสักอยู่บ้าง Jessica Cadmus สไตลิสต์ส่วนบุคคลที่มักจะทำงานกับผู้บริหารระดับสูงด้านการเงิน เธอบอกว่าเธอทำงานให้กับคนทำงานระดับอาวุโสที่อยู่ในสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ทั้งใน Morgan Stanley หรือ Goldman Sachs มาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว เธอไม่เคยเห็นว่าใครจะมีรอยสักเลยไม่ว่าจะหญิงหรือชาย คุณอาจจะคิดว่าน่าจะมีคนมีรอยสักที่ปกปิดไว้ก็ได้ ไม่ว่าจะตามหลังหรือขา แต่เธอมั่นใจว่าถ้าจะมีก็คงจะมีในที่ลับที่ไม่ได้มีใครพบเห็นได้ง่ายๆ
ที่มา – Bloomberg, Ipsos
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา