ทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของยุโรปจัด Super League ชิงเม็ดเงินแสนล้านบาทจาก UEFA Champions League

เมื่อเงินเข้ามามีบทบาทกับวงการฟุตบอลมากขึ้น ทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปจึงร่วมมือจัดตั้ง Super League รายการแข่งขันที่บริหารจัดการกันเอง ชูจุดเด่นเรื่องการเอาทีมใหญ่มาชนกัน เพื่อได้เม็ดเงินเต็ม ๆ โดยไม่ต้องผ่าน UEFA

super league

Super League คือรายการแข่งขันใหม่

รายงานข่าวแจ้งว่า บนเว็บไซต์ทางการของทีม Real Madrid ได้ประกาศถึงการจัดตั้ง Super League หรือการแข่งขันที่บริหารจัดการด้วยทีมฟุตบอลชั้นนำของยุโรปด้วยกันเอง เบื้องต้นทีมที่ร่วมกันก่อตั้งการแข่งขันนี้มีทั้งหมด 12 ทีม คือทีมฟุตบอลจากอังกฤษ 6 ทีม, ทีมฟุตบอลจากสเปน 3 ทีม และทีมฟุตบอลจากอิตาลี 3 ทีม

หากเจาะไปที่ชื่อตามตัวอักษรจะประกอบด้วย AC Milan, Arsenal FC, Atletico Madrid, Chelsea FC, FC Barcelona, FC Internazionale Milano, Juventus FC, Liverpool FC, Manchester City, Manchester United, Real Madrid CF และ Tottenham Hotspur

super league

หลังจากนี้ชุดผู้ก่อตั้ง Super League จะเชิญทีมฟุตบอลที่น่าสนใจอีก 3 ทีมเป็นอย่างน้อยเข้ามาเป็นชุดก่อตั้ง และคัดเลือกอีก 5 ทีมตามผลงานที่ทำได้ในฤดูกาลก่อน รวมเป็นทั้งหมด 20 ทีม เริ่มแข่งในเดือนส.ค. และแข่งในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งชนกับการแข่งขันรายการ UEFA Champions League

แข่งเหมือนเดิมด้วยโปรแกรมหลายนัด

สำหรับรูปแบบการแข่งขัน Super League จะแบ่งสโมสรออกเป็น 2 กลุ่มในรอบแรก กลุ่มละ 10 ทีม โดยแข่งขันแบบพบกันหมดเหย้า-เยือน จากนั้น 3 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มจะผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศอัตโนมัติ ส่วนทีมอันดับที่ 4 และ 5 ในแต่ละสายจะไปแข่งกันแบบเหย้า-เยือน เพื่อหา 2 ทีมเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ

ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ทุกทีมจะถูกจับคู่แข่งขันกันแบบเหย้าเยือน จนถึงรอบรองชนะเลิศ ส่วนรอบชิงชนะเลิศจะแข่งขันนัดเดียวในสนามกลาง เบื้องต้นคาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนพ.ค. ถือเป็นการแข่งขันหลายนัด และมีจำนวนใกล้เคียงกับรายการ UEFA Champions League ทำให้ต่อรองกับสปอนเซอร์ และลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ได้ดี

นอกจากนี้ทางทีมผู้ก่อตั้ง Super League ยังเตรียมจัดการแข่งขันในรูปแบบเดียวกันนี้ให้นักกีฬาฟุตบอลผู้หญิงด้วย เพราะต้องการสนับสนุน และพัฒนาให้กีฬาฟุตบอลผู้หญิงมีความทัดเทียม และสนุกไม่แพ้กับกีฬาฟุตบอลชายที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของกีฬาโลก

Premier League พรีเมียร์ลีก เชลซี ลิเวอร์พูล
LIVERPOOL, ENGLAND – JULY 22: Trent Alexander-Arnold of Liverpool scores his team’s second goal from a free kick during the Premier League match between Liverpool FC and Chelsea FC at Anfield on July 22, 2020 in Liverpool, England. Football Stadiums around Europe remain empty due to the Coronavirus Pandemic as Government social distancing laws prohibit fans inside venues resulting in all fixtures being played behind closed doors. (Photo by Phil Noble/Pool via Getty Images)

COVID-19 คือหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้เกิดขึ้น

การระบาดของโรค COVID-19 สร้างผลกระทบด้านการเงินให้กับโลกกีฬาอย่างหนัก และกลายเป็นตัวเร่งให้ Super League เกิดขึ้นด้วย โดยในเอกสารของ Super League ระบุว่า การแข่งขันนี้จะช่วยยกระดับการเงินให้เติบโตในแต่ละสโมสร ผ่านการร่วมมือกันพัฒนารายการแข่งขันใหม่นี้ด้วยกัน

เบื้องต้นการแข่งขันนี้เตรียมเงินกว่า 3,500 ล้านยูโร เพื่อแบ่งให้กับทีมที่ร่วมกันก่อตั้งรายการนี้นำไปปรับปรุงเรื่องต่าง ๆ และรับมือกับวิกฤต COVID-19 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหากนำมาแบ่งเป็นเงินของแต่ละทีม จะมากกว่าเงินรางวัลชนะเลิศของรายการ UEFA Champions League เมื่อสองฤดูกาลก่อนที่ Liverpool เป็นแชมป์เสียอีก

Cristiano Ronaldo
Cristiano Ronaldo อดีตดาวดังของ Real Madrid // ภาพจาก Shutterstock

ที่สำคัญตัวเลขเงินสนับสนุนอาจทะลุเกิน 10,000 ล้านยูโร หากการแข่งขันดำเนินไปด้วยดี โดยการแข่งขันนี้มี Florentino Pérez ประธาน Real Madrid เป็นประธาน พร้อม Andrea Agnelli ประธาน Juventus และ Joel Glazer เจ้าของร่วม Manchester United เป็นรองประธาน ซึ่งทั้งหมดเชี่ยวชาญการทำธุรกิจทั้งสิ้น

แย่งส่วนแบ่งโฆษณา-ลิขสิทธิ์แสนล้าน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเกิดขึ้นของ Super League มาเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งค่าโฆษณา และลิขสิทธิ์จาก UEFA หรือไม่มีคำว่าตัวกลางอีกต่อไป โดยในฤดูกาล 2018-19 การแข่งขันรายการ UEFA Champions League มีรายได้จากค่าโฆษณา และลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด 2,816 ล้านยูโร หรือราว 1.05 แสนล้านบาท

television
Photo : Shutterstock

ถือเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย และน่าจะมีรายได้จากส่วนอื่นอีก เพราะมีหลายครั้งที่ UEFA ถูกเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต และการไม่โปร่งใสทางการเงิน ทำให้ทีมผู้ก่อตั้ง Super League ชูแนวคิดเรื่องการแบ่งเงินอย่างเท่าเทียม และโปร่งใส เพื่อจูงใจให้มีอีก 3 ทีมร่วมก่อตั้ง และ 5 ทีมที่เปิดใจถูกคัดเลือกเข้ามาแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม ทีมผู้ก่อตั้ง Super League อยู่ระหว่างเจรจากับ UEFA และ FIFA สองหน่วยงานยักษ์ใหญ่ในการกำกับโลกฟุตบอล เพื่อให้การแข่งขันนี้เกิดขึ้นได้จริง และไม่ผิดต่อหลักการใดๆ ที่สองหน่วยงานนั้นกำหนดขึ้นมาก่อนหน้านี้

Manchester City
Manchester City // ภาพจาก Shutterstock

UEFA และตัวแทนลีกฟุตบอลไม่เห็นด้วย

ในทางกลับกันเมื่อข่าว Super League เกิดขึ้น ทาง UEFA ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน พร้อมกับสั่งไม่ให้นักเตะที่ร่วมรายการนี้ลงแข่งในรายการที่ UEFA หรือ FIFA เป็นผู้จัด กล่าวคือการแข่งขันเกี่ยวกับทีมชาติต่าง ๆ ถือเป็นการกดดันไม่ให้การแข่งขันนี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ฝั่งตัวแทนจากลีกฟุตบอลอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับ Super League เช่นกัน โดยเน้นไปที่การทำให้ความขลังของฟุตบอลลีกลดน้อยลง เหมือนกับความเห็นของแฟนฟุตบอลบนอินเทอร์เน็ตเกือบทั้งหมดที่ออกความเห็นในแง่ลบกับการแข่งขันดังกล่าว

แต่ถึงอย่างไร UEFA ได้พยายามเพิ่มรายได้ให้กับการแข่งขัน UEFA Champions League ด้วยการเพิ่มทีมแข่งขันจาก 32 ทีม เป็น 36 ทีม เพราะสามารถเพิ่มโปรแกรมถ่ายทอดได้ทันที แม้ในแถลงการณ์จะอ้างว่า ช่วยเพิ่มโอกาสให้ทีมต่าง ๆ สามารถเข้ามาแข่งขันรายการนี้ได้มากกว่าเดิมก็ตาม

รายได้หลักที่แทบจะหายไปทั้งหมด

ปัจจุบัน UEFA มีรายได้จากการแข่งขันรายการสโมสรถึง 83.4% ซึ่งเกือบทั้งหมดมาจาก UEFA Champions League รองลงมาคือรายได้จากการแข่งขันทีมชาติ 15.7% และรายได้อื่นๆ อีก 0.9% ดังนั้นหาก UEFA ไม่มีทีมชั้นนำแข่งขันในรายการ UEFA Champions League ก็อาจไม่เหลือรายได้มาเลี้ยงหน่วยงาน

นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นในกลุ่มสโมสรชั้นนำที่มองว่าการจัดการแข่งขันเองน่าจะทำเงิน และสร้างความสนุกให้กับแฟนฟุตบอลได้มากกว่า โดย Jurgen Klopp เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ถ้าทุกคนชอบให้ Liverpool แข่งขันกับ Real Madrid ก็น่าจะมีลีกที่ทำให้ทั้งสองทีมนี้ได้แข่งขันกันทุกปี

super league

การเกิดขึ้นของ Super League กระทบกับทุกฝ่ายในโลกฟุตบอล โดยเฉพาะตัวนักเตะที่อาจไม่ได้เล่นรายการทีมชาติ หรือทำให้การย้ายตัวนั้นลำบากมากขึ้น ดังนั้นต้องติดตามกันต่อไปว่า เรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ระหว่าง Super League กับ UEFA จะเจรจากันลงตัวได้หรือไม่

อ้างอิง // Real Madrid, New York Times, UEFA

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา