Startup จีนหัวใส จับปัญหาครูรายได้น้อยในสหรัฐ ชนเด็กจีนที่เป็นลูกเทวดา ทำแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์โตกระฉูด

อาชีพครูเป็นอีกอาชีพที่เปรียบเหมือนเรือจ้าง เพราะต้องทุ่มเทสุดๆ เพื่อส่งลูกศิษย์ให้ได้ดี และไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่แม่พิมพ์ของชาติต้องอยู่อย่างลำบาก เพราะคุณครูชาวอเมริกันก็ไม่แพ้กัน ถึงขั้นบางรายตัดสินใจเลิกอาชีพนี้ก็มี

แต่จริงๆ แล้วมีเด็กอีกหลายคนที่อยากเรียนกับครูชาวอเมริกัน เพื่อยกระดับภาษา และทักษะอื่นๆ ดังนั้น Cindy Mi (ซินดี้ มี่) ที่มีมีความฝันอยากยกระดับการศึกษาของเด็กจีน จึงสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมต่อปัญหาของทั้งสองฝั่งขึ้นมา จนเกิดเป็น VIPKid

Cindy Mi ผู้ร่วมก่อตั้ง VIPKid

จากความชอบ สู่การยกระดับเด็กจีน

VIPKid จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง Cindy Mi เพราะเธอคนนี้อาศัยความชอบเรื่องภาษาอังกฤษของตนเอง ถึงขนาดยอมเก็บค่าขนมไปซื้อหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านเพื่อพัฒนาเรื่องภาษา รวมถึงยอมออกจากชีวิตเด็กมัธยมเพื่อไปช่วยเหลือกิจการติวภาษาอังกฤษของลุงของเธอด้วย และเมื่อถึงยุค Startup เบ่งบาน เธอคนนี้ก็ไม่รอช้าที่จะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ของเธอเอง โดยอาศัยเรื่องครอบครัวชาวจีนที่ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อให้ลูก (ที่มีได้แค่คนเดียว) ได้มีการศึกษาที่ดี และคุณครูชาวอเมริกันที่รายได้น้อยมาเจอกันบนแพลตฟอร์มที่เธอสร้างขึ้นกับเพื่อน

“อาชีพครูในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ต่างมีรายได้ที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้คุณครูบางคนตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ เพราะต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ดังนั้น VIPKid จึงจับคุณครูที่มีคุณภาพกลุ่มนี้มาอยู่ในระบบ และให้ค่าตอบแทนพวกเขาเพิ่มเติม เพื่อยกระดับอาชีพครูให้ดีขึ้น และถึงจะมีบางคนเชื่อว่าการเรียนผ่านออนไลน์ไม่มีทางดีเท่าการเรียนแบบเห็นหน้ากันได้ แต่ครอบครัวชาวจีนก็ยอมที่จะสมัครมาใช้ เพราะอยากทดลองอะไรใหม่ๆ ที่ช่วยบุตรหลายมีการศึกษาที่ดี และนั่นทำให้ VIPKid เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านการสอนภาษาอังกฤษ, วิทยาศาสตร์ เลข และอื่นๆ” Cindy Mi กล่าว

โตเร็วขนาด Kobe Bryant – Jack Ma ร่วมลงทุน

สำหรับอัตราค่าบริการของ VIPKid เริ่มที่ 1,500 ดอลลาร์ (ราว 54,000 บาท) เพื่อเรียนทั้งหมด 72 ครั้ง ส่วนฝั่งผู้สอนก็ได้ส่วนแบ่งประมาณ 20 ดอลลาร์/ชม. (ราว 700 บาท) แต่กว่าจะมาเป็นผู้สอนได้ต้องฝ่าด่านอรหันต์มากมาย เพราะได้จ้างผู้ตรวจสอบครูของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา มาเป็นคนเช็คประวัติผู้สมัครเข้ามาสอน และถึงจะผ่านมาได้ก็ต้องเจอข้อสอบของวิชาต่างๆ เพื่อวัดความรู้ว่าเหมาะสมในการเข้ามาสอนในแพลตฟอร์มนี้หรือไม่ ซึ่งการการันตี และรายได้ขนาดนี้ ทำให้ยอดนักเรียนในระบบมีถึง 50,000 คน และคุณครูอีก 5,000 คน และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 2 แสนคน กับ 25,000 คน ตามลำดับ

และจุดนี้เอง VIPKid จึงมีนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก และล่าสุดระดมทุนได้ 125 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,500 ล้านบาท) มาจากกลุ่มทุน Sinovation Ventures, Northern Light และ Sequoia Capital China and Yunfeng Capital ที่มี แจ็ค หม่า เป็นผู้ก่อตั้ง นอกจากนี้ยังมีอดีตนักบาสเก็ตบอลชื่อดัง Kobe Bryant เข้ามาลงทุนในบริการนี้ด้วย โดย Kaidfu Lee ผู้ก่อตั้งกองทุน Sinovation Venture และหัวหน้า Google China บอกว่า เขาลงทุน VIPKid ตั้งแต่ขั้น Idea เพราะเห็นอนาคตของอินเทอร์เน็ตจะช่วยยกระดับการศึกษาหลังจากนี้

รูปแบบการใช้งาน VIPKid

โอกาสการเรียนผ่านอินเทอร์เน็ตยังไปอีกไกล

เมื่ออินเทอร์เน็ตเข้ามา การเชื่อมต่อก็แทบจะไร้พรมแดน ซึ่งเรื่องนี้ก็ส่งผลไปที่อุตสหกรรมการศึกษาด้วย เพราะตอนนี้เริ่มมีบริการเรียนออนไลน์ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เช่น Rosetta Stone เป็นอีกแพลตฟอร์มการเรียนภาษาต่างๆ ออนไลน์ ในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง และ 51Talk ก็เป็นอีกแพลตฟอร์มสอนภาษาอังกฤษออนไลน์อีกตัว โดยชูเรื่องการสร้างรายได้ให้กับชาวฟิลิปปินส์เพื่อสอนภาษาอังกฤษให้คนทั่วโลก จนปัจจุบันมีนักเรียนในระบบ 102,000 คน และครู 8,000 คน รวมถึง VIPABC แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์จากจีนอีกราย ที่เน้นเรื่องเลข และภาษา ที่สำคัญมูลค่าบริษัทพุ่งไปถึง 1,000 ล้านดอลาร์แล้ว

สรุป

แพลตฟอร์มการศึกษาผ่านออนไลน์จะเติบโตกว่านี้แน่นอน เพราะเมื่อโลกไร้พรมแดน คนเก่งก็อยากสอนให้เด็กพัฒนาขึ้นเป็นคนเก่ง จนเกิดเป็น Sharing Economy อีกแบบหนึ่ง ดังนั้นปีหน้าก็มีโอกาสเห็น Startup ไทยหันมาพัฒนาแพลตฟอร์มการศึกษามากขึ้น และกฎหมายก็คงตามไม่ทันเหมือนเดิม

อ้างอิง // US won’t pay its teachers, but China’s tiger mums are splashing out cash to hire them online

ภาพ // เฟสบุ๊ก VIPKID.com.cn

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา