ดัชนีหุ้นไทยร่วงถึง 1,595 จุด… ถึงเวลาเก็บหุ้นหรือยัง ?

เมื่อต้นปี (24 .. 61) ดัชนีหุ้นไทยสูงสุดที่ 1,838.96 จุด ใครก็ยิ้มออกเพราะมองเห็นทิศทางว่าหุ้นในตลาดจะโตต่อยาวๆ จนหลายค่าย หลายนักวิเคราะห์มองว่าสิ้นปี หุ้นไทยจะไปถึง 1,900 จุด แต่ตอนนี้ (2  .. 61) ดัชนีหุ้นไทยร่วงต่ำลงมาถึง 1,595.58 จุดแล้ว (เวลา 15.30 .) แต่โลกสวยๆ ที่เรามองไว้ก่อนหน้านี้ละ จะเป็นไปได้ไหม?

เหตุที่หุ้นตกกว่า 200 จุด เพราะ Fund Flow ไหลกลับบ้าน หาความมั่นคง

นิพจน์ ไกรลาศโอฬาร ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.ทิสโก้ บอกว่า ถือเป็นช่วงฝุ่นคลุ้งที่ทำให้คนใจสั่นกันเยอะ สาเหตุที่ทำให้หุ้นตกคือ เงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลออกจากไทยไปเยอะ มีทั้งนักลงทุนที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็นขาขึ้น ก็พาเงินกลับไปที่สหรัฐฯ เพื่อหาผลตอบแทนเพิ่ม

ภาพจาก บลจ.ทิสโก้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนต้องการลดความเสี่ยงจาก ผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐจีนในหลายประเทศ จึงลดการถือครองสินทรัพย์ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงไทย

ที่หุ้นไทยตกลง เพราะเรื่อง Fund flow ต่างชาติ ทำให้เงินไหลออกจากไทยไปเยอะ แต่ที่จริงแล้วพื้นฐานเศรษฐกิจ Fundamental ของไทยยังไม่เปลี่ยนแปลง มีทิศทางที่ดีจากเศรษฐกิจ มีข่าวเรื่องการเลือกตั้ง และการลงทุนภาครัฐก็ชัดเจนขึ้น

ภาพจาก shutterstock

ภาวะหุ้นตกแบบนี้จัดพอร์ทลงทุนแบบไหนดี

ช่วงนี้ดัชนีหุ้นตกลง ราคาหุ้นทั้งขนาดใหญ่กลาง โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กราคาก็ลดลงเยอะ ถือเป็นช่วงที่นักลงทุนอาจจะทยอยเข้าซื้อหุ้นตัวที่มีพื้นฐานดีสะสมไว้

แต่จะจัดพอร์ทแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของลูกค้า เป้าหมายและระยะเวลาในการลงทุน เช่น นักลงทุนต้องการความมั่นคงก็ต้องดูหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีกระแสเงินสด มีการเติบโต หรือบางคนเป็น Day trade  ต้องดูเรื่องราคาที่ตกลงมาเยอะ เป็นต้น

เราต้อง Checklist ตัวเองก่อนว่ามีความต้องการอะไร พอร์ทที่มีอยู่เป็นแบบไหน เช่น บางคนอาจะเพิ่มสัดส่วนหุ้นในพอร์ท

ภาพจาก shutterstock

ชี้หุ้นขุมทรัพย์ช่วงดัชนีร่วงเข้าหุ้นปันผล

เมื่อดัชนีหุ้น และราคาหุ้นตกลงมา ถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนสายระยะยาวตั้งแต่ 3- 5 ปีขึ้นไป กลุ่มเตรียมพร้อมเกษียณ ฯลฯ เข้าสะสมหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดี อย่างต่อเนื่อง และมั่นคงได้ ในราคาที่ไม่แพงนัก

นิพจน์ บอกว่า ตอนนี้เซคเตอร์ที่มองว่าจะจ่ายปันผลดี แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1. กลุ่มที่เงินปันผลสูง เพราะอยู่ในช่วงธุรกิจขาขึ้น เช่น พลังงานต้นน้ำ ปิโตรเคมี

2. กลุ่มที่ได้รับผลดีจากการบริโภคในประเทศ เช่น กลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์  เพราะเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นลดลง แต่ยังมีผลตอบแทนที่น่าสนใจ อย่าง กลุ่มแบงก์คาดว่าจะมีเงินปันผลประมาณ 4% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะมีเงินปันผลที่ 5-6%

3 คือ หุ้นที่ได้รับผลบวกจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น ICT หุ้นสื่อสาร ส่วนหนึ่งเพราะค่าใช้จ่ายจะลดลง เช่น การประมูลคลื่นความถี่น่าจะไม่แพงเหมือนครั้งก่อนหน้า ขณะที่เป็นธุรกิจที่มีความผันผวนต่ำ เพราะเป็นส่ิงที่ทุกคนใช้ในชีวิตประจำวัน

ข้อดีของการเข้าหุ้นที่ปันผลดี ในช่วงที่ราคาถูก นักลงทุนมีโอกาสได้ผลตอบแทน 2 แบบทั้งราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นและ เงินปันผลจากหุ้นนั่นเอง

ภาพจาก shutterstock

ส่วนคนที่ติดดอยแล้ว ทำไงดี?

นิพจน์ บอกว่า คนติดดอยอยู่ ไม่ว่าจะซื้อตั้งแต่ดัชนี 1,600 1,700 1,800 จุด ถือว่ายังโอเคอยู่ เพราะ Sentiment เศรษฐกิจไทยยังเป็นภาพที่ดีอยู่ เห็นได้จากตัวเลข GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ)  การบริโภคในประเทศ การท่องเที่ยว และการส่งออกเติบโตดีต่อเนื่อง

หลักๆ พอร์ทหุ้นควรแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแกนหลักที่จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี ส่วนที่เหลือเป็น หุ้นขนาดเล็ก และขนาดกลาง ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงสูงกว่าและให้อัตราเงินปันผลสูงกว่าเช่นกัน โดยสัดส่วนการลงทุนขึ้นเปลี่ยนแปลงได้ตามความเสี่ยงของแต่ละคน

ส่วนคนที่ต้องซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF (Long Term Equity Fund) เพื่อลดหย่อนภาษี สามารถใช้เงินสภาพคล่องส่วนเกิน (เงินที่มีเหลือจากการวางแผนทางการเงิน) ที่มีอยู่ มาซื้อ LTF เพิ่มเติมแทนที่จะไปซื้อทีเดียวตอนสิ้นปีซึ่งราคาหุ้นน่าจะขยับขึ้นไปแล้ว หรือ อาจเปลี่ยนกองทุน เช่น กองทุนที่ถืออยู่มีหุ้น 60% อาจเปลี่ยนมาถือตัวที่มีหุ้น 100% เพื่อรอจังหวะที่ราคาหุ้นเพิ่มตัวขึ้นก็ได้

อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้น ต้องติดตามข่าวสารทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะ ทิศทางการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ในสิ้นเดือน .. นี้ว่าจะปรับขึ้นอกเบี้ยเกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ 4 ครั้งหรือไม่ รวมถึงปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศที่เป็นซัพพลายเชน

ภาพจาก shutterstock

สิ้นปีหวังดัชนีหุ้นไทยแตะ 1,840 จุด แม้ Fund Flow ไหลออกจาก EM

ครึ่งปีหลังเรามองว่า ดัชนีหุ้นจะกลับมาดีขึ้น เลยคาดการณ์ได้ว่าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2561 จะใกล้เคียงที่ 1,840 จุด แม้ว่าทั้งปีนี้ยังมีทิศทางว่า Fund flow จะไหลออกจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (EM-Emerging Market) เพราะกังวลเรื่องสงครามการค้าก็ตาม

 

สรุป

ช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยตกลงมาจาก 1,800 มาอยู่ที่ 1,595 จุด ถือเป็นช่วงที่นักลงทุนระยะยาว ควรเข้าเก็บหุ้นที่มีพื้นฐานดี ให้ปันผลสูงได้ เพราะจะได้ประโยชน์ 2 ต่อทั้งจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น และผลตอบแทนหุ้นที่สูง แต่การลงทุนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละคน ซึ่งต้องศึกษาข้อมูล ติดตามข่าวสารให้ทัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา