สตาร์บัคส์ในสหรัฐอเมริกาเตรียมที่จะเพิ่มนมทางเลือกจากพืชให้กับลูกค้า หลังจากที่มองว่านมวัวเป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 21%
Starbucks เตรียมที่จะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 จะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 50% ซึ่งหนึ่งในวิธีที่แก้ปัญหานี้ได้คือการลดวัตถุดิบนั่นก็คือ “นมวัว” ในปี 2018 ที่ผ่านมาบริษัทได้รายงานว่าบริษัทได้ใช้วัตถุดิบหรือกระบวนการต่างๆ เทียบเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มากถึง 15.6 ล้านตัน และมาจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนมวัวถึง 21%
- เทรนด์ใหม่การดื่มกาแฟ ใช้นมข้าวโอ๊ตแทนนมสด รสชาติดี เน้นสุขภาพ
- คอกาแฟระวัง มีโอกาสกาแฟสูญพันธุ์ทั้งโลกภายในปี 2080 เพราะปัญหา Climate Change
ทางออกของเชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ของโลกได้หาทางออกโดยเสนอนมจากพืชให้ลูกค้าเลือกมากขึ้นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น นมจากข้าวโอ๊ต นมที่ผลิตจากมะพร้าว นมอัลมอนด์ หรือในประเทศไทยที่เราเห็นการใช้นมถั่วเหลืองเป็นทางเลือก นอกจากนี้ยังเตรียมเมนูใหม่จากนมทางเลือกเหล่านี้ เช่น
- Coconutmilk Latte
- Almondmilk Honey Flat White
- Oatmilk Honey Latte
ภายในปี 2020 นี้ Starbucks จะเพิ่มเมนูที่ผลิตจากนมทางเลือกจากพืชเป็นเมนูประจำ โดยก่อนหน้านี้บริษัทมักจะทำเป็นเมนูมานำเสนอเป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนหน้านี้ องค์กรพิทักษ์สิทธิ์ของสัตว์ หรือ PETA ได้เคยซื้อหุ้นของ Starbucks และเรียกร้องให้บริษัทยกเลิกการเก็บเงินเพิ่ม ถ้าหากลูกค้าต้องการนมทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ใช่นมวัว
นอกจากเรื่องของนมวัวแล้ว บริษัทตั้งเป้าที่จะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมภายในร้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้น้ำลง รวมไปถึงขยะที่สร้างขึ้นจากร้านให้น้อยลงกว่าเดิมด้วย
อย่างไรก็ดีสำหรับ Starbucks ในประเทศไทยต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการอีกที
ที่มา – The Star, The Gazette
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา