พอแล้วนโยบายแบบเก่า หันไปทำแบบใหม่ แบบที่ใครๆ ก็ทำกัน starbucks
เรื่องใหม่ของเชนกาแฟยักษ์ใหญ่ระดับโลก Starbucks ที่เมื่อก่อนนี้ชูนโยบายใครอยากมาเอนจอยในร้านก็ได้ ไม่ซื้อกาแฟหรือสินค้าในร้านก็ไม่เป็นไรเลย นั่งได้ตามสบาย ต่อจากนี้จะไม่ใช่แบบเดิมแล้ว
Jaci Anderson โฆษกของสตาร์บัคส์บอก เราก็แค่ทำเหมือนร้านค้าปลีกทั่วๆ ไปแหละ มันช่วยให้เราจัดลำดับความสำคัญให้กับลูกค้าของเราที่ต้องการนั่งในร้านและเอนจอยกับบรรยากาศของร้าน รวมถึงการใช้ห้องน้ำในร้านได้ด้วย
กฎใหม่นี้กำลังเป็น code of conduct ของแบรนด์สตาร์บัคส์ ที่เริ่มจะมีข้อห้ามเพิ่มมากขึ้น เช่น ห้ามมีการขอทานในร้าน ห้ามมีพฤติกรรมที่รบกวนผู้อื่น และจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 27 มกราคมนี้ กับสตาร์บัคส์ทุกสาขาในโซนอเมริกาเหนือ
โฆษกยังให้นิยามความหมาย “ลูกค้า” ของสตาร์บัคส์ด้วยว่า “ลูกค้าก็คือคนที่ซื้อสินค้าหรือคนที่ไปกับลูกค้า”นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่ากฎใหม่นี้ไม่ได้มีแค่เฉพาะโซนที่กำหนดตามที่กล่าวมา แต่ยังเตรียมให้ทุกสาขาของแบรนด์ได้ใช้กฎนี้ด้วย พื้นที่ของสตาร์บัคส์ทั้งหมดจะมีไว้ให้ลูกค้าที่จ่ายเงินให้กับสตาร์บัคส์ รวมถึงพาร์ทเนอร์ของสตาร์บัคส์เท่านั้น
สำหรับพนักงานของสตาร์บัคส์เองก็จะถูกเทรนให้ทำตามกฎใหม่ด้วย ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎก็จะต้องออกจากงาน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เป็นเช่นนั้น พนักงานสามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ได้
นโยบายใหม่ๆ ยังไม่จบแค่นี้ สตาร์บัคส์ยังเตรียมนำแก้วเซรามิกกลับมาใช้ด้วย โดยจะมีรีฟิลเครื่องดื่มให้ฟรีกับลูกค้าที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ด้วยการนำแก้วเซรามิกหรือแก้วสะอาดกลับมาเติมเครื่องดื่ม จากที่ก่อนหน้านี้จะเติมให้เฉพาะลูกค้าที่เป็นสมาชิกเท่านั้น นโยบายนี้จะใช้ได้ทั้งกับเครื่องดื่มกาแฟร้อนและเย็น
ส่วนนโยบายก่อนหน้าที่เปิดรับทุกคนเข้าร้านได้แม้ไม่ใช่ลูกค้านั้น เป็นนโยบายที่เรียกกันว่า Open-door policy ทำมาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว หลังเกิดเหตุที่ฟิลาเดเฟียเนื่องจากผู้จัดการสาขาฯ โทรเรียกตำรวจให้มาจับชายผิวสี 2 คนเนื่องจากเข้ามารอในร้านโดยไม่สั่งอาหารใดๆ
ที่มา – The Straits Times, Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา