Standard Chartered มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังสดใส ย้ำลงทุนในหุ้นเพิ่ม หลังกระแสเงินเฟ้อกำลังมา

ตอนนี้หลายกระแสเริ่มมองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากผ่านเดือนแรกของปี 2560 ไปไม่นาน แต่มันจะดีขึ้นจริงหรือไม่ ลองมาฟังจากการวิเคราะห์ของ Standard Chartered กัน

GDP โต 4-5% ภายในปี 2561 แน่นอน

อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มองว่า แม้ปีจะปัจจัยนอกประเทศจะมีความไม่แน่นอนเยอะ เช่นเรื่องนโยบายของ Donald Trump ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา และการเลือกตั้งของประเทศฝรั่งเศส กับเยอรมัน แต่ด้วยประเทศไทยมีอัตราหนี้จากต่างประเทศ เทียบกับกองทุนสำรองเพียง 0.6 ทำให้ค่อนข้างปลอดภัยจากความไม่มั่นคงดังกล่าว เพราะเศรษฐกิจภายในประเทศไม่ได้อิงต่างชาติมากนัก ประกอบกับหนี้ครัวเรือนก็เริ่มคลี่คลาย ผ่านปัจจัยเช่นการปลดล็อครถคันแรก

ประกอบกับการส่งออก และการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผ่านสถานการณ์ในประเทศที่เริ่มชัดเจนขึ้น นอกจากนี้การลงทุน Mega Project ของภาครัฐก็กำลังเดินหน้า โดยเฉพาะกับโครงการที่เกี่ยวกับการคมนาคม เช่นรถไฟสายต่างๆ ดังนั้นเมื่อรวมตัวแปรทั้งหมดเข้าด้วยกันดีชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในปีนี้น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3.5% และหากตัวแปรทั้งหมดยังเกิดขึ้นเหมือนเดิม รวมถึงปรับค่าดีขึ้น โอกาสที่ปี 2561 กับ 2562 จะมี GDP เติบโตถึง 4.3% และ 5% ตามลำดับ

อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด

ลงทุนในหุ้นคือคำตอบ เพราะเงินเริ่มเฟ้อ

อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจของไทย ทำให้อัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นจาก 0.3% ในปี 2559 สู่ 1.3% ในปี 2560 และมีโอกาสปรับขึ้นเป็น 2.2% หากตัวแปรข้างต้นยังเดินหน้าต่อไป แต่ด้วยการเติบโต ทำให้เกิดความผ่อนคลายของเศรษฐกิจมากขึ้นไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุม โดยปีนี้น่าจะขึ้นครั้งเดียวในเดือนธ.ค. และปี 2561 จะขึ้นอีก 2 ครั้ง ดังนั้นเมื่อำลังเดินหน้าสู่เงินเฟ้อ การลงทุนในหุ้นจึงให้ผลกำไรที่มากกว่า เพราะถ้านำเงินไปฝากในธนาคาร ดอกเบี้ยคงตามเงินเฟ้อไม่ทัน

สำหรับภาคธุรกิจนั้น การบริหารต้นทุนทางการเงินยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่ เพราะความไม่แน่นอนยังเกิดขึ้นได้เสมอ และยิ่งกลุ่มธุรกิจนำเข้าส่งออก อาจต้องศึกษาเรื่องภาวะเงินบาทที่จะอ่อนตัวเป็นระยะๆ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีจะทำให้เงินบาทแข็งขึ้นก็ตาม โดยเมื่อเทียบกับประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่อาศัยเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนจำนวนมาก แต่ปีนี้สถานการณ์โลกปั่นป่วน ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงเงินอ่อนตัวมากกว่าไทย และปีนี้ถึงเงินบาทจะอ่อนตัวก็คงไม่เกิน 36 บาท และปี 2561 ก็จะไม่เกิน 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เช่นกัน

สรุป

เศรษฐกิจไทยยังได้ไปต่อในสายตา Standard Chartered เพราะปัจจัยบวกทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อนิดๆ รวมถึงการลงทุนในประเทศที่ช่วยเพิ่ม GDP ดังนั้นโอกาสการลงทุนในประเทศก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ และผู้บริโภค รวมถึงภาคธุรกิจก็คงมีความหวังกันมากขึ้นในปีไก่ไปีนี้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา