สิงคโปร์ก็เจอปัญหาส่งออกเหมือนกัน คาดการณ์ที่คิดว่า GDP จะโตได้มากกว่านี้ก็ต้องหั่นออก

ล่าสุด กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม สิงคโปร์ (MTI) คาดการณ์ว่าไตรมาส 3 GDP จะขยายตัวอยู่ที่ 1.1% ถือว่าเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าที่ว่าน่าจะโตอยู่ที่ 0.7%

กระทรวง MTI เผยว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์ในช่วง 3 ไตรมาสแรกอยู่ที่ -0.7% YoY โดยคาดว่า ปี 2023 เศรษฐกิจจะโตอยู่ที่ 1% ด้านการส่งออกก็อ่อนแอด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้คาดว่า GDP จะโตอยู่ที่ 0.5%-1.5%

ส่วนในปี 2024 คาดการณ์ว่า GDP สิงคโปร์จะโตอยู่ที่ 1% ถึง 3% เหมือนกับเศรษฐกิจโลกที่ต่างก็คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวช่วงครึ่งหลังของปี

Singapore

ด้าน Chua Han Teng นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร DBS ระบุว่า ไตรมาส 3 เศรษฐกิจน่าจะเริ่มส่งสัญญาณคงที่มากขึ้น มีแนวโน้มว่าจะมีการฟื้นตัวช้า ซึ่งทางธนาคารก็คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปี 2023 น่าจะเติบโตอยู่ที่ 0.9% และโตอยู่ที่ 2.2% ในปี 2024

เศรษฐกิจสิงคโปร์จะค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 3 จากปัจจัยใด?

การเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในไตรมาส 3 ได้รับแรงหนุนจากธุรกิจก่อสร้าง ค้าปลีก ปัจจัยที่อยู่อาศัย รวมถึงภาคการเงินและประภันภัยด้วย สำหรับธุรกิจก่อสร้างนั้นโตอยู่ที่ 6.3% YoY ขยายตัวที่ 7.7% ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งธุรกิจก่อสร้างนี้ได้รับแรงหนุนทั้งในภาคเอกชนและภาครัฐ ขณะที่ค้าปลีกนั้นก็ขยายตัวอยู่ที่ 2.2% YoY ขณะที่ไตรมาสก่อนหน้าโตอยู่ที่ 2.4% นี่ก็ได้รับแรงหนุนจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น

ส่วนปัจจัยที่อยู่อาศัยนั้น ขยายตัวอยู่ที่ 12.9% YoY จากที่ไตรมาสก่อนหน้าขยายตัวอยู่ที่ 13% นี่ก็ได้รับแรงหนุนจากการเยือนของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตที่ 3.4% YoY ถือว่าช้าลงจากไตรมาส 2 โตมากถึง 12.1%

ด้านการผลิตของสิงคโปร์นั้น ไตรมาส 3 ลดลงมาอยู่ที่ 4.6% YoY ถือว่าหดตัวลงมาก เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าโตถึง 7.6% ด้านการผลิตนั้นถือว่าหดตัวทุกกลุ่ม ยกเว้นด้านวิศวกรรมขนส่ง โดย MTI มองว่า มีการฟื้นตัวของภาคการเดินทางโดยอากาศและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าน่าจะหนุนให้ภาคการขนส่งทางอากาศและภาคที่อยู่อาศัยเติบโตไปด้วย

สำหรับปี 2024

MTI คาดว่า เศรษฐกิจในประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศในแถบยุโรป น่าจะมีระดับเศรษฐกิจที่เติบโตชะลอลงในช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากสภาพทางการเงินที่ตึงตัว ส่งผลให้น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีแทน ส่วนจีนก็น่าจะมีระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ช้าลงและน่าจะโตต่ำกว่าปี 2023 เนื่องจากยังต้องประคับประคองภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแออยู่ต่อไป ส่วนการบริโภคภายในประเทศ (ในจีน) และการส่งออกมีแนวโน้มที่จะยังไม่กระเตื้องมากนัก สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนแอและอุปสงค์จากภายนอกที่ซบเซาตามลำดับ

สำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่า มาเลเซียและไทยน่าจะเศรษฐกิจดีขึ้น ด้วยแรงหนุนจากปัจจัยภายนอกด้านอิเล็กทรอนิกส์และความต้องการบริโภคภายในประเทศที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงด้านลบจากเศรษฐกิจโลกอยู่ ธนาคารกลางจะยังรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยสูงในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น เนื่องจากการเงินโลกเองก็จะมีความตึงตัวมากขึ้น ซึ่งประเด็นสงครามความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส หรือยูเครนกับรัสเซียก็ยังส่งผลกระทบต่อโลกในแง่ของการดิสรัปต่ออุปทานรอบใหม่และจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์

สำหรับสิงคโปร์นั้น ปี 2024 นี้ คาดว่า ภาคการค้าและการผลิตจะฟื้นตัวดีขึ้น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และด้านวิศวกรรมจะได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวจากความต้องการด้านเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ตามลำดับ การเติบโตของภาคการค้าส่งคาดว่าจะแข็งแกร่งจากความต้องการจากภายนอกที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านของส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ ด้านโทรคมนาคม และคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ถ้าอัตราดอกเบี้ยในระดับโลกเริ่มเข้าสู่ระดับปานกลางในปี 2024 ภาคการเงินและการประกันภัยก็จะฟื้นตัวเล็กน้อย

ส่วนการเดินทางทางอากาศและการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวจะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ภาคการบินและการท่องเที่ยวค่อยๆ เติบโต รวมทั้งด้านการขนส่งทางอากาศ ที่พักอาศัย แม้จะเติบโตในระดับปานกลางก็ตาม ส่วนภาคการบริโภค ทั้งค้าปลีกและการบริการอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องท่ามกลางตลาดแรงงานที่ค่อยๆ ฟื้นตัว

ที่มา – CNA

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา