ธปท. จับตา 4 ปัจจัยเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม ย้ำเดือน ก.ย.66 ไทยอยู่ในทิศทางฟื้นตัว

ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะโฆษกธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ย. 2566 อยู่ในทิศทางฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่ง ได้รับผลดีวันหยุดยาวในแต่ละประเทส และมาตรการยกเว้นการยื่นวีซ่าในช่วงปลายเดือน รวมถึงจากการส่งออกสินค้าที่ปรับตัวดีขึ้น (มูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำดีขึ้น) แต่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนชะลอลงหลังจากเร่งไปในช่วงก่อนหน้า ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายของรัฐบาลกลางและการลงทุนรัฐวิสาหกิจ

ที่มา ธปท.

ทั้งนี้ ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ ได้แก่

  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากทุกหมวดหลัก โดยหมวดอาหารสดลดลงจากราคาผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่หมวดพลังงานลดลงจากมาตรการลดค่าไฟฟ้าและราคานำ้มันดีเซลของภาครัฐ 
  • อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเล็กน้อย จากราคาอาหารสำเร็จรูป เป็นสำคัญ
  • ด้านตลาดแรงงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นจากทั้งภาคบริการและภาคการผลิต
  • ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากดุลการค้าเป็นหลัก

ขณะที่ ด้านเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐถือว่าเฉลี่ยอ่อนค่าลง จาก 3 ปัจจัย ได้แก่

  1. ตลาดปรับเพิ่มการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน
  2. ค่าเงินหยวนอ่อนค่าจากเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเปราะบาง
  3. นักลงทุนรอความชัดเจนของนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

เมื่อดูภาพรวมของไตรมาสที่ 3 ปี 2566 พบว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวจากไตรมาส 2/66 ตามการบริโภคภาคเอกชน และภาคบริการที่ปรับดีขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่สูงขึ้น ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำยังเพิ่มขึ้นจากการส่งออกยานยนต์ และชิ้นส่วน และปิโตรเลียมเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้น 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนปรับลดลงจากหมวดเครื่องจักร และอุปกรณ์หลังจากที่เร่งตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้า รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน 

ขณะที่ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามหมวดอาหารสดและหมวดเงินเฟ้อพื้นฐาน ขณะที่หมวดพลังงานเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเบนซิน ด้านตลาดแรงงานฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล จากดุลการค้า ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงตามการส่งกลับกำไรและรายจ่าย ภาคบริการที่ลดลง 

ที่มา ธปท.

ขณะที่แนวโน้มของเดือน ต.ค. ปี 256 มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ คาดว่ายังคงขยายตัวตามอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปยังต้องติดตาม 4 ปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ได้แก่

  1. การฟื้นตัวของภาคการส่งออกสินค้า
  2. นโยบายของรัฐบาลที่จะออกมา
  3. ผลกระทบของเอลนีโญต่อผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร
  4. ผลกระทบจากความขัดแย้งของกลุ่มฮามาส-อิสราเอลต่อราคาพลังงานและอุปสงค์ต่างประเทศ

ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา