“สยามพิวรรธน์” ดึง @cosme store มัลติแบรนด์จากญี่ปุ่นบุกไทย สาขาแรกที่ ICONSIAM

สยามพิวรรธน์ประกาศร่วมทุน istyle inc. นำร้าน @cosme store มัลติแบรนด์จากญี่ปุ่นมาเปิดในไทย ประเดิมสาขาแรกที่ ICONSIAM เป้าต้องมี 5 สาขาใน 3 ปี

รู้จัก @cosme store โมเดลบิวตี้ผสานไอที

ศึกบิวตี้สโตร์เดือดอีกระลอกเมื่อสยามพิวรรธน์นำร้าน @cosme store เข้ามาเปิดในไทยอย่างเป็นทางการด้วยการร่วมทุนกับ istyle inc. บริษัทด้านไอทีจากญี่ปุ่น เปิด บริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด โดยกลุ่มไอสไตล์ของญี่ปุ่นถือหุ้น 70% และกลุ่มสยามพิวรรธน์ถือหุ้น 30%

istyle inc. ก่อตั้งปี 1999 เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นบริษัทที่ตอบโจทย์โซลูชั่นด้านการตลาดในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในญี่ปุ่น โดยมีแพลตฟอร์ม @cosme รวบรวมรีวิวการใช้เครื่องสำอางของสาวญี่ปุ่น

เมื่อสินทรัพย์ที่มีมหาศาลของบริษัทคือดาต้า ของสาวๆ ว่าชอบเครื่องสำอางอะไร ทำให้มองเห็นโอกาสด้วยเปิดแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ cosme.com ในการจำหน่ายเครื่องสำอางในปี 2002 จากนั้นในปี 2007 ก็รุกธุรกิจรีเทลด้วยการเปิดหน้า้รานในชื่อ @cosme store

@cosme ได้พยายามสร้างเป็นแพลตฟอร์มคอมมูนิตี้สำหรับสินค้าบิวตี้ โดยเน้นข้อมูลจากการรีวิวของผู้ใช้ มีผู้เข้าชมต่อเดือน 16.4 ล้านคน มีสมาชิก 4.7 ล้านคน มีแบรนด์สินค้าที่พูดถึง 32,000 แบรนด์ กว่า 300,000 สินค้า และมียอดรีวิว 14 ล้านครั้ง

จุดแข็งจึงเป็นเรื่องดาต้าที่รู้ว่าสาวชาวญี่ปุ่นชอบอะไรมากที่สุด แล้วเลือกสินค้าต่างๆ มาจำหน่ายในอีคอมเมิร์ซ และหน้าร้าน โดยจัดอันดับสินค้าที่ขายดีเพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการซื้อ

ประเทศไทยแห่งแรกในอาเซียน สาขาแรกที่ ICONSIAM

การเข้ามาในประเทศไทยนั้นได้เริ่มจากการเปิดหน้าร้านก่อน ด้วยการจับมือกับกลุ่มสยามพิวรรธน์ โดย @cosme store ได้เริ่มขยายสาขาต่างประเทศตั้งแต่ปี 2017 ตั้งแต่ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลี ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 5 ในการเปิด @cosme store นอกประเทศญี่ปุ่นและเป็นประเทศแรกในอาเซียน

กลยุทธ์การขยายสาขาต่างประเทศของ istyle inc. จะขึ้นอยู่กับพาร์ทเนอร์แต่ละประเทศ ถ้าได้จับมือกับผู้เล่นค้าปลีกก็จะเปิดเป็นหน้าร้านแต่บางประเทศถ้าได้พาร์ทเนอร์เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซก็จะเปิดเป็นเว็บไซต์ ซึ่งขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอางของแต่ละประเทศด้วย

ฮาจิเมะ เอนโดะ รองประธานอาวุโสกิจการบริการด้านความงาม istyle inc. บอกว่า

เหตุผลที่เลือกประเทศไทยในการทำตลาดนั้นมีการเลือกจากดัชนีรายเมือง พบว่าในกรุงเทพฯ มีโอกาสมากกว่าเมืองอื่นๆ ในอาเซียน และดูการใช้จ่ายกับสินค้าเครื่องสำอางในแต่ละเดือน คนกทม.ใช้จ่ายกับเครื่องสำอางเฉลี่ย 1,500-2,000 บาทต่อเดือน และวิธีการดูว่าตลาดนั้นเติบโตอีกอย่างหนึ่งจะดูว่าธุรกิจเครื่องสำอางมีแยกประเภทย่อยมากแค่ไหน ซึ่งในไทยมีแยกกลุ่มย่อยเยอะมาก GDP ต่อหัวของคนกทม.เกือบเท่าคนสิงคโปร์ แต่คนไทยซื้อเครื่องสำอางเยอะกว่า 1.5 เท่า

สาขาในไทยเปิดที่ ICONSIAM บิ๊กโปรเจ็คต์ของสยามพิวรรธน์ พื้นที่ 300 ตารางเมตร มีสินค้า 5,000-6,000 รายการ และมีสินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่นราว 600 รายการ

การขยายสาขามาไทยในครั้งนี้เป็นการนำเครื่องสำอางญี่ปุ่นมาแย่งส่วนแบ่งตลาดในตลาดเครื่องสำอางในไทยด้วย เพราะในช่วงหลังเครื่องสำอางทางฝั่งเกาหลี และยุโรปได้รับความนิยมมากกว่า

มีแผนในการขยายสาขาอยู่ที่ 5 สาขาภายใน 3 ปี มีรายได้ 300 ล้านบาท

ปัจจุบันร้าน @cosme store มีสาขารวม 30 สาขา แบ่งเป็นญี่ปุ่น 25 สาขา ไต้หวัน 4 สาขา และฮ่องกง 1 สาขา ที่เกาหลีใช้ชื่อว่า @cosme J Beauty Park

เติมพอร์ต Specialty Store ให้สยามพิวรรธน์

การนำร้าน @cosme store เข้ามาในไทย ถือเป็นการเติมพอร์ตให้สยามพิวรรธน์แน่นขึ้น มีความหลากหลาย เป็นการทำตลาด Specialty Store ให้มีสีสันขึ้น

อุสรา ยงปิยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง เล่าว่า

ค้าปลีกของกลุ่มสยามพิวรรธน์มีความแอคทีฟมากขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ ปั้นเป็น Specialty Store โดยที่เมื่อ 20 ปีก่อนเริ่มบุกตลาดจาก Loft หลังจากนั้นก็เริ่มแปลงโฉมสยามดิสคัฟเวอรี่ทำเป็นไฮบริดรีเทลสโตร์ และนำเข้า ALAND ร้านมัลติแบรนด์แฟชั่นจากเกาหลี ODS ร้านมัลติแบรนด์ตกแต่งบ้าน และ CAZH ร้านแฟชั่นลำลองมัลติแบรนด์ ร้าน @cosme store จะเข้ามาเติมเต็มในกลุ่มบิวตี้ให้แน่นขึ้น

สรุป

การนำร้านมัลติแบรนด์เข้ามาในไทยครั้งนี้เรียกว่าสร้างสีสันในตลาดค้าปลีกไม่น้อย โดยเฉพาะตลาดเครื่องสำอางที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไทย และคนไทยก็ยังรักสวยรักงามอยู่ ยิ่งทำให้ตลาดนี้มีการเติบโต มีผู้เล่นเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา