ก.ล.ต. อัพเดทการปรับเกณฑ์ดูแล Short Selling-Program Trading

หลังจากกรณีข้อสงสัยว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากการขายชอร์ต (Short Selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (Program Trading) หรือไม่ นำสู่ผู้กำกับทั้ง ก.ล.ต. และ ตลท. ต่างหาทางเพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ผ่านการปรับเกณฑ์การกำกับดูแลให้รัดกุมยิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติม

ล่าสุด พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินการ หารือกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อตรวจสอบรายการต้องสงสัย และทบทวนมาตรการกำกับดูแล Short Selling และ Program Trading รวมถึงหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบพฤติกรรมที่อาจมีลักษณะเป็น Naked Short Selling (ขายมากกว่าซื้อ หรือส่งมอบหุ้นที่ได้จากการยืมหลักทรัพย์โดยไม่บันทึกรายการขายชอร์ต (flag S) ในระบบซื้อขายของ ตลท. ตามเกณฑ์ของ SET) โดยอยู่ระหว่างให้ บล. ชี้แจง และตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ศึกษาวิจัยข้อมูลเพิ่มเติม พบพฤติกรรมการซื้อขายที่อาจมีลักษณะไม่เหมาะสม และอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม โดยได้สรุปมาตรการกำกับดูแลการขายชอร์ต (Short Selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (Program Trading) โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

แนวทางปรับปรุงการกำกับดูแลธุรกรรม Short Selling

เป้าหมาย 1 :  เพิ่มกลไกสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขาย

1.1  เพิ่มคุณภาพหุ้นที่สามารถ Short Selling (Eligible Securities) : เพิ่มเงื่อนไขของหุ้นกลุ่ม Non-SET100 ที่สามารถขายชอร์ตได้ โดยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) และเกณฑ์สภาพคล่องของหุ้น (turnover)

1.2  ปรับปรุงเกณฑ์ซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ (trading rules) เพื่อจำกัดความผันผวนของราคาหลักทรัพย์

1.2.1  เพิ่มการใช้ราคาขายชอร์ตที่ต้องสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick Rule) เมื่อราคาหุ้นลดลงตั้งแต่ 10% ขึ้นไปของราคาปิดวันก่อนหน้า
1.2.2  กำหนดเพดานขายชอร์ตรายหลักทรัพย์รายวัน (daily Short Selling limit)
1.2.3  เปิดเผยยอดขายชอร์ตคงค้างรายวัน (Outstanding short position)

เป้าหมาย 2:  ป้องปรามการขายชอร์ตไม่เป็นตามเกณฑ์ (Naked Short Selling)

2.1  เพิ่มคุณภาพการทำหน้าที่ตรวจสอบของตัวกลาง

2.1.1  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ต้องดำเนินการดังต่อไปนี้

1) ทำความรู้จักระบบงานของลูกค้า (Know Your Process: KYP) กรณีลูกค้าที่เป็นตัวกลาง เพื่อให้ลูกค้าทราบ/เข้าใจหลักเกณฑ์ และสื่อสารให้ลูกค้าในชั้นต่อไป และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าตัวกลาง มีระบบควบคุม ติดตามการปฏิบัติตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
2) มีข้อตกลงกับลูกค้ายินยอมปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงยินยอมให้ บล. ไล่เบี้ยค่าปรับกรณีที่ บล. ต้องชำระค่าปรับเนื่องจากลูกค้าไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และ บล. ต้องบังคับตามข้อตกลงดังกล่าวด้วย
3) มีระบบงานรับส่งคำสั่งที่มีประสิทธิภาพ และกลั่นกรองคำสั่งโดยตรวจสอบเอกสารเพื่อยืนยันว่าลูกค้ามีหลักทรัพย์ตามคำสั่ง
4) มีระบบ post trade monitoring สุ่มตรวจธุรกรรม short / long sell และรายงานให้ regulator ทราบโดยไม่ชักช้า เมื่อพบเหตุที่น่าสงสัย


2.1.2  พัฒนาระบบกลาง ให้ บล. ตรวจสอบหลักทรัพย์ได้
2.1.3  เพิ่มอัตราโทษ บล. ที่ไม่ทำตามเกณฑ์ให้เทียบเท่าต่างประเทศ อาทิ กรณีพบ Naked Short Selling จะปรับ 3 เท่าของกำไร (ขั้นต่ำ 1 ลบ.) กรณีการทำธุรกรรม Short Selling ไม่ทำตามเกณฑ์จะปรับไม่เกิน 0.3 ลบ./ครั้ง

2.2  แก้กฎหมายเพิ่มความรับผิดตลอดสาย: ลงโทษ/บังคับใช้กฎหมายกับผู้ลงทุนที่ไม่ทำตามเกณฑ์ขายชอร์ต และสร้างกลไกที่ทำให้ทราบถึงผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (End-Beneficial Owner)

2.3  เพิ่มการทำหน้าที่ผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน (Custodian) ในฐานะ Gatekeeper: โดยให้ custodian แจ้งวัตถุประสงค์การโอน เพื่อการสอบยันการทำรายการยืม

แนวทางปรับปรุงการกำกับดูแลการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (Program Trading) / การส่งคำสั่งด้วยความเร็วสูง (High Frequency Trading : HFT)

เป้าหมาย : เพิ่มกลไกสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขายโดยรวม

  1. ดำเนินการให้สามารถรู้ตัวตนลูกค้าและตรวจสอบได้ : ขึ้นทะเบียน (Register) ผู้ลงทุนประเภท HFT  กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อให้สามารถติดตามการซื้อขายของผู้ลงทุน HFT ได้
  2. ทบทวนพฤติกรรมไม่เหมาะสม :
    2.1 เพิ่มลักษณะคำสั่งซื้อขายไม่เหมาะสมให้ครอบคลุมพฤติกรรมการซื้อขายในปัจจุบัน
    2.2  จัดทำระบบกลางคัดกรองคำสั่งไม่เหมาะสม (Central Order Screening)
    2.3  กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำของคำสั่งที่เข้ามา ก่อนที่จะสามารถยกเลิกคำสั่งนั้นได้ (Order Resting Time) เพื่อป้องกันคำสั่งใส่ถอนถี่เกินไป (spoofing)
  3. ควบคุมความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ :
    3.1  ใช้กลไกการเพิ่มเพดานการเคลื่อนไหวของราคาระหว่างวัน (Dynamic Price Band) นอกเหนือจาก เกณฑ์ราคาสูงสุด-ต่ำสุด (Ceiling and Floor) โดยพักการซื้อขายชั่วคราวถ้าหุ้นมีราคาขึ้นหรือลง 10% ของราคาซื้อขายล่าสุด
    3.2  ใช้วิธีการซื้อขายแบบประมูล (Auction) กรณีหุ้นอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย
  4. ผู้ลงทุนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม :
    4.1 ทบทวนเกณฑ์การดำเนินการ (sanction) กับลูกค้าที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
    4.2 ตลท. เปิดเผยรายชื่อลูกค้าที่ส่งคำสั่งไม่เหมาะสมให้ทุก บล. ทราบ เพื่อให้ดำเนินการตามที่กำหนด

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังระบุถึง หลักการเสนอปรับปรุง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ใน 2 ส่วน ได้แก่

  1. กําหนดบทลงโทษผู้ลงทุนที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
  2. กําหนดให้มีกลไลเพื่อให้ทราบถึง End-Beneficial Owner

ที่มา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา