เรียกว่าเป็นช่วงเบ่งบานของ Startup เมืองไทยก็ได้ เพราะเหล่าองค์กรขนาดใหญ่ต่างจัดตั้งกองทุน หรือ VC เพื่อมาสนับสนุนเหล่านักพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และล่าสุด SCG ก็เข้ามาสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย
ถัดจาก Telco-Banking ก็ถึงคราวโรงปูน
หลังจากปล่อยให้ฝั่งอุตสาหกรรมโทรคมนาคม กับธนาคาร จัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุน Startup ไประยะหนึ่ง ในที่สุดกลุ่ม SCG ที่ปรับตัวเป็นบริษัทเกี่ยวกับนวัตกรรม ไม่ใช่แค่โรงปูนอีกต่อไป ก็เข้ามาตั้งกองทุนสนับสนุน Startup ด้วย ภายใต้ชื่อ AddVentures
จาชชัว แพส กรรมการผู้จัดการ AddVentures เล่าให้ฟังว่า ตัวกองทุนที่ตั้งมาก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีที่ประยุกต์ใช้กับบริการโทรคมนาคม และบริการทางการเงิน หรือ FinTech แต่ยังไม่มีกองทุนที่ตั้งมาเพื่อสนับสนุน Startup ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องโรงงาน และการยกระดับการทำงานภายในองค์กรเท่าไหร่นัก
“จะบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ SCG เข้ามาทำงานกับ Startup ก็ได้ เพราะเราไม่เคยลงทุนอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ก็ศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2559 แล้ว และเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้น่าจะช่วยเหลือการทำ Digital Transformation ให้กับองค์กรอย่างมาก และด้วยเครือข่าย กับผู้เชี่ยวชาญของ SCG ก็น่าจะดึงดู Startup เช่นกัน”
300-500 ล้านบาทในปีแรก และไม่ได้มองแค่ไทย
สำหรับการจัดตั้งกองทุน AddVentures ในปีแรก SCG วางงบประมาณไว้ที่ 300-500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุน Stratup ทั้งไทย และต่างประเทศที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ
- Industrial เช่น Smart Manufacturing และ Robotics
- Enterprise เช่น Digital Martketing และ Omni-Channel
- B2B เช่น บริการ Logistic และ Smart Packaging
โดยในปีแรกจะลงทุนใน Startup ราว 2-3 ราย รายละ 1-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต้องอยู่ในขั้น Post-Seed กับ Series A เท่านั้น เพราะต้องการความชัดเจนของธุรกิจ นอกจากนี้ยังลงทุนในกองทุนอื่นๆ ในต่างประเทศ เพื่อศึกษาแนวโน้มการลงทุน และโอกาสของ Startup ในระดับโลก โดยวางไว้ 2-3 กองทุนเช่นกัน
ไม่มองเรื่องรายได้ แผน 5 ปีอัดเงิน 3,000 ล้านบาท
“เราอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์ You innovate, We Scale. ผ่านการใช้ทีมงาน และช่องทางการทำธุรกิจจำนวนมากของ SCG ในการสร้างการเติบโตไปด้วยกัน ตอนนี้เรายังไม่มองเรื่องรายได้ แต่เตรียมเงินลงทุน 5 ปีไว้แล้ว 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุน Startup ที่น่าสนใจ”
สรุป
อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะสนับสนุน Startup ที่เข้าเกณฑ์ที่ SCG กำหนด เพราะในประเทศไทยมีคนที่พัฒนากลุ่มนี้ไม่มากนัก และน่าจะเป็น Startup ในต่างประเทศมากกว่าที่น่าจะได้รับเงินลงทุนเหล่านี้ไป แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักพัฒนาสายอื่นๆ ที่อยากพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และมีการสนับสนุนโดยองค์กรใหญ่ในประเทศไทยเช่นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา