อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้นั้นหนักแน่ๆ เพราะตัวแปรเรื่องเศรษฐกิจ และปัจจัยทางการเมืองยังไม่นิ่ง แต่เพื่อคงการเติบโตไว้ SC Asset จึงเร่งใช้นวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมตั้งเป้ามีกำไรสุทธิ 3,000 ล้านบาทในปี 2566
นวัตกรรมกับการยกระดับความเป็นอยู่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาจะซื้อที่พักอาศัย นอกจากเรื่องราคา และคุณภาพแล้ว เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่โครงการมีให้ก็เริ่มมีบทบาทในการตัดสินใจของผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างหันมาเน้นเรื่องนี้ ซึ่ง SC Asset คือหนึ่งในนั้น ผ่านภาพลักษณ์ Living Solution Provider แต่มันจะแตกต่างกับรายอื่นอย่างไรล่ะ?
ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เล่าให้ฟังว่า ความแตกต่างเรื่องนวัตกรรมของบริษัทคือการนำไปใช้ได้จริง เช่น Roojai Subscription หรือการสมัครสมาชิกผ่านแอปพลิเคชั่นเพื่อใช้บริการต่างๆ ภายในที่พักอาศัย โดยเฉพาะการทำความสะอาด และการจัดการภายในบ้านต่างๆ
นอกจากนี้ยังเริ่มนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยตรวจสอบภายในหมู่บ้าน และร่วมมือกับบริษัทออกแบบชั้นนำของโลกอย่าง IDEO เพื่อออกแบบส่วนกลางของโครงการแนวสูง และแนวราบให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงดึงดูดให้ลูกบ้านเข้ามาใช้บริการอย่างเป็นประจำ เพราะไม่สามารถหาได้จากที่โครงการอสังหาริมทรัพย์อื่น
นวัตกรรมกับการประหยัดเวลา และต้นทุน
ขณะเดียวกัน SC Asset ยังนำนวัตกรรมมาช่วยเรื่องการควบคุมต้นทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ด้วย ผ่านการร่วมมือกับ Fire One One บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทยเพื่อนำระบบประมวลผลที่ทางคู่ค้าถือลิขสิทธิ์มาวิเคราะห์การออกแบบแต่ละโครงการอสังหาฯ ให้เร็ว และมีประสิทธิภาพที่สุด
“Fire One One จะมาช่วยเรื่องการออกแบบโครงการ เช่นจะวางแปลนอย่างไรให้บ้านทุกหลังใกล้ส่วนกลางที่สุด, ทุกบ้านหันหน้าเข้าสวนได้ หรือเรื่องอื่นๆ โดยการคำนวนนั้นจะนำ 4 ปัจจัยคือที่ดินที่, ข้อบังคับทางกฎหมาย, ความต้องการของลูกบ้าน และความต้องการขายของบริษัทมาประมวลผล”
สำหรับโครงการอสังหาฯ แรกที่ออกแบบระหว่างระบบประมวลผลของคู่ค้า และบริษัทนั้นจะเป็นโครงการบ้านแนวราบที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ หากการประมวลผลทำได้เร็ว และมีประสิทธิภาพ โอกาสการใช้ Computional Design ก็น่าจะมีมากขึ้นในโครงการรูปแบบต่างๆ
นวัตกรรมกับการปรับความคิดคนในองค์กร
อย่างไรก็ตามการนำนวัตกรรมใหม่มาปรับใช้จะไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดถ้าคนในองค์กรไม่ร่วมกันปรับตัวไปด้วย SC Asset จึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ในชื่อ SKYDIVE หรือการกระโดดร่มที่ต้องใส่ใจทุกคน (Care), มีความกล้าในสิ่งใหม่ (Courage), การร่วมมือกัน (Collaboration) และการพัฒนาตัวเอง (Continuous Improvement)
และเมื่อนำแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้ ประกอบกับปีนี้ SC Asset เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 13 แห่ง แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 9 แห่ง และคอนโดมิเนียมแนวสูง 4 แห่ง ก็ทำให้โอกาสการทำกำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 3,000 ล้านบาทในปี 2566 ได้ จากปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 ล้านบาท
“นวัตกรรมจะเข้ามาช่วยเราได้มาก แต่การทำตลาดเราก็ต้องปรับด้วย โดยเฉพาะปีนี้เราจะเน้นบ้านแนวราบที่ราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาทมากขึ้น เพื่อเติมเต็มส่วนที่เรายังขาด นอกจากนี้ยังเน้นหารายได้ใหม่ๆ ผ่านโครงการแนวสูงแบบเช่าซื้อระยะยาวอีกด้วย”
สรุป
ทุกอุตสาหกรรมถูก Digital Disruption ดังนั้นการปรับตัวผ่านการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เป็นเรื่องจำเป็น และเชื่อว่าผู้เล่นในวงการอสังหาริมทรัพย์น่าจะตื่นตัวกันมากขึ้นกับเรื่องนี้ เพราะปัจจุบันมีรายที่นำดิจิทัลมาช่วยพัฒนาธุรกิจเพียงไม่กี่ราย ซึ่งการนำนวัตกรรมมายกระดับนอกจากบริษัทจะได้ประโยชน์แล้ว ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา