Samart Corp เปลี่ยนจาก Holding เป็น Operating Company ตั้งเป้ารายได้ 2 หมื่นล้าน

ปีที่ผ่านมาของ Samart Corporation หรือ กลุ่มบริษัทสามารถ คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะการยกเลิก Samart i-mobile เลิกขายมือถือเพราะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง เปลี่ยนเป็น Samart Digital เน้นธุรกิจดิจิทัลเทคโนโลยี

การปรับตัวครั้งสำคัญนี้ ทำให้ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น ตัดสินใจเปลี่ยนจาก Holding Company รอรับเงินจากบริษัทลูก (เช่น Samart Telcoms, Samart Digital และ Samart U-Trans) มาเป็น Operating Company กระโดดลงมาทำธุรกิจเอง เพราะเห็นช่องทางการขยายและเติบโต

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท สามารถ

เปลี่ยนเป็น Operating Company เริ่มต้น Samart Next Forum

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ CEO ของ กลุ่มบริษัทสามารถ บอกว่า การตัดสินใจเปลี่ยน สามาร์ถ คอร์ป เป็น Operating Company เพราะการเป็นบริษัทแม่รอเงินปันผลจากบริษัทลูกในเครือเพียงอย่างเดียวไม่ใช่หนทางที่ดี ถ้าบริษัทลูกผลประกอบการไม่ดี บริษัทแม่ก็กระทบไปด้วยและยิ่งมีโอกาสทางธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งเป็นจุดแข็งของสามารถมากขึ้น ทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงแนวทางธุรกิจ

ในปีนี้น่าจะได้เห็นการทำธุรกิจของ สามารถ คอร์ป ประมาณ 2-3 ธุรกิจ จะไม่ทับซ้อนกับบริษัทลูก โดย สามารถ เทลคอม เน้นในธุรกิจไอซีที, สามารถดิจิทัล เน้นธุรกิจดิจิทัลและดาต้า ส่วนสามารถ ยู-ทรานส์ จะเน้นด้านคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากนี้ ยังเริ่มต้นโครงการ Samart Next Forum โดยจะเน้นสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งสามารถถือเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทั้งด้านเงินทุน, ความรู้, กำลังคน และฐานลูกค้า การร่วมมือกันจะช่วยสร้างธุรกิจใหม่ๆ และสร้างรายได้ในระยะยาว

ธุรกิจหลัก ปั้นรายได้ 20,000 ล้าน

สำหรับการทำธุรกิจในปีนี้ กลุ่มบริษัทสามารถตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 20,000 ล้านบาท จากปี 2560 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของสายธุรกิจ i-mobile ทำให้บริษัทจะได้รับผลกระทบ ทั้งด้านรายได้และภาพลักษณ์จากการตัดธุรกิจมือถือออก แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อวางรากฐานให้กับธุรกิจใหม่และสร้างความแข็งแกร่งในอนาคต

ขณะที่ธุรกิจหลักที่ทำรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทสามารถ อันดับหนึ่งยังเป็น สามารถ เทลคอม ในธุรกิจไอซีที เซ็นต์สัญญาได้ 80 โครงการ รวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีงานในมือมูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท เช่น โครงการจัดซื้อและว่าจ้างบํารุงรักษาระบบ Core Banking ธนาคารอาคารสงเคราะห์, โครงการซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบเครือข่ายโทรคมนาคมทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นต้น

ด้านสายธุรกิจ U-trans ก็ประสบความสำเร็จในการขยายอายุสัมปทานการให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศ ในประเทศกัมพูชา โดยบริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) ได้ต่อสัญญาเพิ่มอีก 7 ปี จากเดิม 32 ปี เป็น 39 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2544-2583 นอกจากนี้ บริษัท เทด้า ก็สร้างรายได้จากการบริหารงานก่อสร้างโครงการสายส่งสถานีไฟฟ้าแรงสูง โดยมีงานในมือแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท

ด้าน SAMART Digital หรือ SDC หลังการเปลี่ยนแปลงธุรกิจครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมาในปีนี้ จะเห็นความคืบหน้าของธุรกิจใหม่ชัดเจน คือ Digital Trunked Radio ธุรกิจ Co-Tower โดยได้รับสัญญาสัมปทานในการติดตั้งเสาโทรคมนาคม ในกรมอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ Mobile Operator เช่าใช้ ภายในระยะเวลา 10 ปี โดยในปีนี้ จะติดตั้งเสา Co-Tower ให้ได้ 250-300 ต้น

ส่วนบริการ Content ทั้ง BUG และ EDT ได้มีการยกเครื่อง การให้บริการข้อมูลด้วยการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดท่องเที่ยวซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตไม่จำกัด จะมีการเปิดตัวบริการใหม่ภายใต้ความร่วมมือกับภาครัฐ ในเร็วๆนี้

จากแผนธุรกิจทั้งหมด บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2561 จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในมือและคาดว่าจะแน่นอน

สรุป

ปีที่ผ่านมาถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญของ กลุ่มบริษัทสามารถ การถอนตัวจากธุรกิจเครื่องโทรศัพท์มือถือส่งผลต่อตลาดหุ้นอย่างหนัก แต่การกล้าตัดสินใจน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจในภาพรวมปีนี้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา