ในอีก 10 ปีหลังจากนี้ พนักงานแบงค์ในสหรัฐอเมริกาจะตกงานอีก 200,000 ตำแหน่ง

พนักงานแบงค์จะตกงานมหาศาล เพราะเทคโนโลยี

Bank
Bank Photo: Shutterstock

Wells Fargo & Co รายงานว่า พนักงานธนาคารในสหรัฐอเมริกาจะตกงานจำนวนกว่า 200,000 ตำแหน่งในช่วง 10 ปีหลังจากนี้ โดยสาเหตุหลักมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ

อุตสาหกรรมสายการเงินในสหรัฐอเมริกาทุ่มเงินไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ในอัตราที่สูงมาก โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งการพัฒนาที่ก้าวล้ำของเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อแรงงานมนุษย์ในอุตสาหกรรมการเงินโดยตรง

ในรายงานระบุว่า พนักงานธนาคารที่จะตกงานกว่าครึ่งหนึ่งจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (ในรายงานใช้คำอธิบายว่าจะลดปริมาณจาก 1 ใน 5 เหลือเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น) ได้แก่

  • พนักงานที่ทำงานเป็นกองหนุน (back office) ในธนาคาร เช่น ฝ่ายการตลาด-ส่งเสริมโปรโมชั่น, ฝ่ายบัญชี, ฝ่ายดูแลคุณภาพสินเชื่อ, ฝ่ายวิเคราะห์-วิจัย, ฝ่ายบริหารความเสี่ยง ฯลฯ อาจเรียกรวมๆ ว่าเป็นพนักงานในองค์กรที่ทำงานแบบตายตัว หรือที่เรียกกันว่า “งานรูทีน”
  • พนักงานคอลเซ็นเตอร์ เพราะปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาเริ่มมีการนำเอา chatbot มาใช้ในการตอบคำถามและแก้ปัญหาให้ลูกค้า จนลูกค้าเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าเป็นหุ่นยนต์หรือมนุษย์
  • พนักงานประจำสาขา เนื่องจากอนาคตของธนาคารทั่วโลกคือการลดจำนวนสาขาลง ดังนั้นพนักงานประจำสาขาจะทยอยหายไป

รายงานชิ้นนี้สอดคล้องกับคำทำนายของอดีตผู้บริหาร Citigroup ที่เคยบอกไว้ว่าในระหว่างปี 2015 – 2025 พนักงานแบงค์ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะตกงานรวมกันถึงเกือบ 2 ล้านตำแหน่ง หรืออีกหนึ่งรายงานที่ระบุว่า พนักงานธนาคารรวมถึงสายเทรดหุ้นอาจตกงานถึง 1.3 ล้านคนภายใน 10 ปีหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้ที่ทำงานใน Goldman Sachs Group ท่านหนึ่ง กล่าวว่า หนทางที่จะอยู่รอดได้ของอุตสาหกรรมการเงินโดยเฉพาะสายหุ้น คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม แต่แน่นอนมันจะกระทบต่อแรงงานมนุษย์ด้วย ดังนั้น นักเทรดหุ้นที่ต้องการจะประสบความสำเร็จใน Wall Street จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทักษะการเขียนโค้ด (coding) ให้จงได้

ที่มา – Straitstimes

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา