รีวิว BYD e6 รถยนต์ไฟฟ้า 100% จากประเทศจีนรุ่นเก่า แต่เก๋าประสบการณ์

รถยนต์ไฟฟ้า 100% เริ่มถูกพูดถึงในวงกว้าง และกลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ของคนที่อยากซื้อรถยนต์คันแรกในยุคนี้ Brand Inside จึงอยากชวนมานั่งบนรถยนต์ไฟฟ้า 100% จากจีน BYD e6 เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยกัน

BYD e6 ในประเทศไทย

ถึงเก่า แต่ก็เก๋าประสบการณ์

ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น e6 ของ BYD ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโดย “ไรเซน เอนเนอร์จี” หนึ่งในบริษัทในเครือของผู้ทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ Ducati และ Royal Enfield ในไทย แถมบริษัทนี้ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla อีกด้วย

แต่น่าเสียดายไปหน่อยที่รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD รุ่นนี้เปิดจำหน่ายในประเทศอื่นๆ มาตั้งแต่ปี 2552 ทำให้การออกแบบภายนอก และภายในยังดูเก่าไปสักเล็กน้อย หรือเรียกได้ว่าซื้อรถปีนี้ แต่ได้การออกแบบของเกือบ 10 ปีก่อนก็ไม่แปลกนัก

อย่างไรก็ตามคนที่อยากได้รถยนต์ไฟฟ้ามาขับสักคันคงไม่มีตัวเลือกอะไรมากในเวลานี้ ทำให้คุณสมบัติ และสมรรถนะต่างๆ ที่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ให้มาไม่ได้ตกรุ่นเหมือนกับดีไซน์ แต่เก๋าไปด้วยประสิทธิภาพในการขับขี่ในระดับที่คนไม่เคยขับรถยนต์ไฟฟ้ามาก่อนจะรู้สึกว่าแตกต่างกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันอย่างที่ทุกคนใช้อยู่ทุกวันนี้

คุณสมบัติที่แตกต่างจากรถยนต์ใช้น้ำมัน

ก่อนจะก้าวขึ้นไปจับพวกมาลัย และเหยียบคันเร่งกับ BYD e6 ก็อยากให้รู้จักกับสเปกของรถยนต์รุ่นนี้ให้มากขึ้นเสียก่อน โดย e6 นั้นมีลักษณะเป็นรถยนต์ MPV (Multi Purpose Vehicle) หรือเอาง่ายๆ ว่ารถยนต์สำหรับครอบครัว เดินทางไปไหนหลายๆ คนก็นั่งสะดวก แถมบรรทุกของได้เหลือๆ

ด้านหลังของ BYD e6

แต่ด้วยขนาดที่ยาว และใหญ่ใกล้เคียงกับ MPV รุ่นอื่นๆ ในตลาด (4,560*1,822*1,630 มม.) ก็ไม่ได้ทำให้สมรรถนะในการขับขี่ของรถยนต์แบบนี้นั้นหมดสนุก เพราะรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันนี้มาพร้อมกับกำลังส่งสูงสุด 134 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร เรียกว่าถึงรถจะหนักร่วม 2.4 ตัน ก็เล่นฉิวเพียงแค่แตะคันเร่ง

ที่สำคัญถึงจะเก่า แต่ก็มาพร้อมกับเทคโนโลยี Keyless ที่ไม่ต้องไขกุญแจก็ Start รถยนต์ไฟฟ้า 100% คันนี้ได้ทันที ดังนั้นอย่ารอช้าที่จะเอารีโมทกุญแจใส่กระเป๋า แล้วเดินไปกดปุ่มเปิดประตูเพื่อเข้าห้องโดยสาร และเหยียบเบรค พร้อมกดปุ่มติดเครื่องยนต์กันเลยดีกว่า

หน้าปัดของ BYD e6

เครื่องฟิต Start ติดง่ายดังใจหวัง

เมื่อถึงเวลาที่ต้องขับขี่เจ้ารถครอบครัวคันนี้จริงๆ ก็เหมือนอย่างที่บริษัท และพนักงานขายที่งาน Motor Show โม้เอาไว้ เพราะรถยนต์คันนี้เหยียบมาๆ เรียกว่าสั่งได้ดั่งใจก็ไม่แปลกนัก ทำให้หลายคนที่คิดว่ารถยนต์ไฟฟ้า 100% มันจะแรงกว่ารถยนต์น้ำมันได้อย่างไรต้องคิดใหม่ในทันที

โดยตัวรถยนต์ไฟฟ้า e6 นั้นมี 2 โหมดขับขี่คือ ECO และ Sport โดยโหมดแรกนั้นเหมาะที่ขับขี่ในเมืองที่รถติดๆ มากกว่า เพราะไม่ได้รีดไฟจากมอเตอร์มากจนเกินไป ส่วน Sport นั้นเหมาะกับการขับทางไกลมาก เนื่องจากมันจะรีดกระแสไฟเข้ามอเตอร์แบบเต็มที่ จนการทำความเร็ว รวมถึงเร่งแซงของรถคันนี้ทำได้อย่างง่ายดาย

ภายในห้องโดยสารด้านหน้าของ BYD e6

ส่วนใครกลัวว่าขับเพลินแล้วไฟจะไม่พอ ตัว BYD คันนี้ก็ติดตั้งระบบดึงไฟกลับเมื่อมีการเบรครถยนต์ขณะที่ทำความเร็วอยู่ แม้จะดึงไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ไม่มาก แต่มันก็ช่วยยืดระยะเวลาในการขับขี่ได้ไม่มากก็น้อย แถมยังขับขี่กันค่อนข้างสนุก แม้จังหวะเบรคจะค่อนข้างลึกไปหน่อย ทำให้ช่วงแรกต้องปรับตัวบ้าง

ราคาพอกับ Camry ตัว Hybrid

เมื่อเรื่องสมรรถนะที่ดีแบบไม่เคยพบเจอมาก่อน (เพราะอาจไม่เคยขับรถยนต์ไฟฟ้า) คราวนี้ก็ลองมาดูเรื่องราคาค่าตัวกันบ้าง โดย BYD e6 คันนี้ราคาเปิดอยู่ที่ 1,890,000 ล้านบาท อาจค่อนข้างสูงไปนิดสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับรถ MPV นำเข้าอื่นๆ ก็สูสี เพียงแต่ด้อยกว่าด้วยเรื่อง 5 ที่นั่ง เพราะแบรนด์อื่นนั้นมี 7 ที่นั่งกันหมดแล้ว

ด้านข้างของ BYD e6

นอกจากนี้หากไม่ได้ต้องการรถเพื่อครอบครัว แต่อยากได้รถยนต์คันใหญ่ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ภายใน Camry และ Accord รุ่น Hybrid ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพราะต่างก็ประหยัดน้ำมันได้ด้วยไฟฟ้าเหมือนกัน จึงอยู่ที่ตัวผู้ใช้ว่าอยากซื้อรถเพื่อไปใช้อะไรมากกว่า

อย่างไรก็ตามต้องอย่าลืมด้วยว่าหากอยากซื้อ BYD e6 จริงๆ ก็ต้องเตรียมใจกับการเข้าไปชาร์จไฟตามสถานที่ต่างๆด้วย เพราะรถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่มีเชื้อเพลิงอื่นๆ ถ้าออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวแล้วล่ะก็ อย่าลืมวางแผนหาสถานที่เติมไฟฟ้าดีๆ ด้วย เพราะรถคันนี้วิ่งได้ราว 400 กม. เมื่อแบตเตอรี่เต็มเท่านั้น

สรุป

รถยนต์ไฟฟ้า 100% ยังเป็นของเล่นคนรวยในประเทศไทยอยู่ และเชื่อว่าหาก BYD e6 ไม่ทำราคาออกมาดีกว่านี้ โอกาสที่คนรวยส่วนใหญ่จะขยับไปซื้อ Tesla เลยก็มีสูง ในทางกลับกันหากซื้อเพื่อนำมาใช้ในการพาณิชย์ เช่นรถแท็กซี่ ก็คงคุ้มค่าแน่ๆ เพราะราคาสูงกว่า Prius เล็กน้อย แต่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าล้วนๆ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา