ส.ศูนย์การค้า ร่วม 7 สมาคมธุรกิจ ขอ ศบค.-สาธารณสุข คลายล็อกศูนย์การค้า-คอมมูนิตี้มอลล์

สมาคมศูนย์การค้าไทย ร่วมกับ 7 สมาคมธุรกิจ ยื่นหนังสือต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ, ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด 19 หรือ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข คลายล็อกศูนย์การค้าฯ และคอมมูนิตี้มอลล์เพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ บริการได้ครั้ง

สมาคมศูนย์การค้าไทย

8 สมาคมธุรกิจวอนภาครัฐเปิดห้างฯ

ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการสมาคมศูนย์การค้าไทย และผู้แทนคณะทํางาน 8 สมาคมธุรกิจ เปิดเผยว่า สมาคมศูนย์การค้าไทย, สมาคมธุรกิจร้านอาหาร, กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมคลีนิกเอกชน, สมาคมวิชาชีพช่างผมไทย, สมาคมผู้ประกอบการสปาไทย, สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และสมาคมสนามกอล์ฟไทย รวม 8 สมาคมที่เกี่ยวข้อง เดินหน้ายื่นหนังสือต่อ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผอ.ศปก.ศบค. และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

เรื่องนําเสนอแนวทางการลดระดับการล็อกดาวน์ (Lock Down) เพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจ พร้อมนําเสนอแนวทางการเปิดศูนย์การค้าฯ คอมมูนิตี้มอลล์ และธุรกิจต่าง ๆ ในศูนย์การค้า และสนามกอล์ฟ รวมถึงมาตรการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับการให้บริการอย่างปลอดภัยหลังได้รับผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์ของภาครัฐที่มีการประกาศและคําสั่งให้ปิดกิจการเป็นระยะ ๆ เรื่อยมา โดยทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างต้องประสบปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมากและข้อเท็จจริงพบว่า สาเหตุของการติดเชื้อที่มาจากศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟนั้นตํ่ามาก อีกทั้งประชาชนโดยรวมนั้นมีความเข้าใจมากขึ้น ในการดูแลด้านสุขอนามัย ตระหนักในการเดินทาง และการเคลื่อนย้ายซึ่งจะกระทําเมื่อมีความจําเป็น ในขณะที่ปัจจุบัน ร้านค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ โดยกลุ่ม
อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยชี้แจงเพิ่มเติมว่า ลูกค้าที่ WFH มีความจําเป็นและต้องการสินค้าประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น และความเสี่ยงต่อการติดเชื้อนั้นมีน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่แสดงสินค้า ที่สําคัญศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์มีมาตรการด้านสาธารณสุขที่ดีและได้มาตรฐาน

ทั้งนี้ ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร และ ร้านค้าประเภทต่าง  ๆ มีมูลค่าโดยรวมกว่าเจ็ดแสนล้านบาทและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับเป็นความสูญเสียและส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจดถอยเป็นอย่างมาก ภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือในการดําเนินการตามมาตรฐานทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้มาใช้บริการในศูนย์การค้า ร้านค้าร้านอาหารต่าง ๆ และสนามกอล์ฟ โดยขอให้ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาการปลดล็อกเป็นระยะ และมีแผนการปลดล็อกที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนรับทราบล่วงหน้า โดยอาจใช้เกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับต่างประเทศ เช่น อัตราได้รับการฉีดวัคซีนของประชาชน

“จากกรณีศึกษา รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ สิงคโปร์อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล มาเลเซีย ญี่ปุ่ น เกาหลีใต้ได้มีการปลดล็อกให้ศูนย์การค้า ร้านค้าร้านอาหารและสนามกอล์ฟ เปิดให้บริการตามปกติกันมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เรื่อยมา โดยหลายประเทศใช้เกณฑ์การได้รับวัคซีนของประชาชนเป็นปัจจัยสําคัญ ซึ่งมีตั้งแต่ 45% – 70% ของประชากร และพบว่าแนวโน้มของผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตเป็นไปในทิศทางที่ลดลง ตามลําดับ ดังนั้น พบว่า กรุงเทพฯ มีประชากรกว่า 80% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นกัน และประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อตํ่ากว่าหลายประเทศที่กล่าวข้างต้น

โดยสรุป จึงอยากขอให้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสําคัญด้านการบริหารการจัดการการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงโดยเร็ว พิจารณาให้ความสําคัญเปิดธุรกิจต่าง ๆ ในศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟ เพื่อเยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบมาเป็นระยะเวลานาน เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวแบกรับภาระต้นทุนต่าง ๆ มากมาย อาทิ ต้นทุนค่าจ้างพนักงานต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าเช่า ค่านํ้า ค่าไฟ ต้นทุนอื่น ๆ เพื่อนํามาหมุนเวียนกิจการ หากยังไม่ได้รับการช่วยเหลือแบบเร่งด่วน เชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดปัญหาเลิกจ้างงานจํานวนมาก ซึ่งจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างมาก และเสริมท้ายว่า กรุงเทพฯมีธุรกิจในภาคบริการเป็นสัดส่วนที่สูง และการจัดให้มีวัคซีนที่เพียงพอและมีทางเลือกที่ดี อาจผลักดันให้กรุงเทพฯเป็น Vaccine Destination ให้กับประเทศข้างเคียงในภูมิภาคได้อีกทางหนึ่งด้วย”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา