จีนสวมบทบาทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยสงครามยูเครน-รัสเซีย ยื่นข้อเสนอสันติภาพ แฝงเป้าหมายกอบกู้เศรษฐกิจและภาพลักษณ์ตัวเอง

หลังจากพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงครามยูเครน-รัสเซียมาเป็นปี จีนกลับยื่นมือเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยสงครามพร้อมข้อเสนอสร้างสันติภาพ 12 ข้อ ที่ไม่ได้มีเป้าหมายแค่ยุติสงคราม แต่เพื่อเศรษฐกิจของจีนเองด้วย

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในการประชุมด้านความมั่นคงที่มีผู้นำและเจ้าหน้าที่รัฐบาลจากประเทศทั่วโลกกว่า 200 ประเทศมาประชุมกันที่กรุงมิวนิค ประเทศเยอรมนี Wang Yi เอกอัครราชทูตสูงสุดของจีนก็ได้เปิดเผยว่า จีนจะประกาศแผนการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยในสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียในเร็ว ๆ นี้ โดยจีนจะเข้ามามีบทบาทด้านการเมืองมากขึ้นและจะยืนยันในการสร้างสันติภาพและการพูดคุยเจรจากัน

จากนั้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จีนได้ประกาศแผนข้อเสนอสร้างสันติภาพ 12 ข้ออย่างเป็นทางการในวันครบรอบ 1 ปีนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกยูเครน ข้อเสนอมีใจความสำคัญว่าให้ทั้ง  2 ประเทศยุติการรบกันและเข้ามาเจรจาพูดคุยกันใหม่อีกครั้งเพื่อสร้างสันติภาพ

นับเป็นความเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างกระทันหันของจีนเพราะก่อนหน้านี้จีนไม่เคยร่วมประนามการกระทำของรัสเซียต่อยูเครน รวมทั้งไม่เคยคว่ำบาตรรัสเซียเลยสักครั้ง ทั้งนี้ การเปลี่ยนท่าทีของจีนก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป 

สถาบันวิทยาการทหารของจีน (Academy of Military Sciences หรือ AMS) เป็นองค์กรที่จะนำเสนอรายงานและคำแนะนำต่อคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจในการควบคุมกองทัพของจีน

ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว AMS ได้จำลองสถานการณ์สงครามยูเครน-รัสเซีย ได้ผลรายงานออกมาว่าสงครามจะสิ้นสุดลงในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงกลางปีนี้เพราะเศรษฐกิจของทั้ง  2 ประเทศจะไม่สามารถรองรับการทำสงครามได้อีกต่อไป โดยรัสเซียจะเป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่ายูเครน

แม้ว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ผลของการรายงานจะออกมาว่ารัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้นำจีนที่ดูจะเอนเอียงไปทางฝั่งรัสเซียมากกว่า แต่ขณะเดียวกัน ความช่วยเหลือที่สหรัฐอเมริกาส่งไปให้ยูเครนมูลค่า 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐก็กำลังจะสิ้นสุดด้วยในช่วงกลางปีนี้ ขณะที่รัฐสภาสหรัฐอเมริกาที่สมาชิกส่วนใหญ่มาจากพรรคริพับลิกันก็ลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือยูเครนต่อ 

รายงานจาก AMS ทำให้หลังจากนั้นจีนก็เริ่มร่างแผนข้อเสนอสันติภาพ 12 ข้อขึ้น ซึ่งแฝงด้วยเป้าหมายหลัก 3 อย่างที่จีนต้องการทำให้สำเร็จเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศตัวเอง อย่างแรก จีนหวังว่าข้อเสนอจะช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ของจีนและยุโรปอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศสที่แม้จะให้ความช่วยเหลือยูเครนแต่ก็ต้องการให้สงครามยุติลง

จีนยังเชื่อว่ายุโรปยังมีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนในจีนและทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นได้ ขณะที่ความขัดแย้งของจีนและสหรัฐอเมริกายังคุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเหตุการณ์เรื่องบอลลูนที่ลอยผ่านน่านฟ้าของสหรัฐอเมริกา ทั้งเรื่องความขัดแย้งเรื่องไต้หวันจนทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจของจีนอย่างมาก 

เป้าหมายหลักของจีนอีกอย่างหนึ่งคือการพยายามรักษาความสัมพันธ์กับยูเครนเอาไว้เพราะแม้ว่าประเทศตะวันตกส่วนใหญ่จะเพ่งเล็งและโจมตีจีนเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ทางยูเครนยังไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ ต่อประเด็นนี้ 

ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือ การสวมบทบาทเป็นผู้นำในการยุติสงครามยูเครน-รัสเซีย ซึ่งขณะนี้ Xi Jinping ประธานาธิบดีของจีนอยู่ระหว่างการพิจารณาตอบรับคำชวนเยือนรัสเซีย

หากมีการเจรจาร่วมกับระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอีกครั้งหลังจากประธานาธิบดีจีนยื่นข้อเสนอสันติภาพต่อ Vladimir Putin ประธานาธิบดีรัสเซียจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของจีนและทำให้ประเทศที่ยังไม่เลือกข้างในความขัดแย้งจีน-สหรัฐอเมริกาหันมามองจีนในแง่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะที่รายงานจาก AMS เสนอว่าสงครามจะยุติในไม่ช้า นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสงครามจะยื้อเยื้อไปอีกนานเพราะ Volodymyr Zelenskyy ประธานาธิบดีของยูเครนยังต้องการต่อสู้เพื่อนำพื้นที่ที่รัสเซียบุกรุกและยึดไปกลับคืนมา ส่วนสถานการณ์ของจีนก็ไม่สู้ดีนัก เพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประเทศตะวันตกว่าเป็นผู้จัดหาอาวุธให้รัสเซีย

ต้องดูกันต่อไปว่าเป้าหมายของ Xi Jinping ที่จะกอบกู้เศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของจีนผ่านบทบาทผู้เจรจายุติสงครามและเจ้าของข้อเสนอสันติภาพจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะหากไม่สำเร็จ อำนาจและบารมีของผู้นำจีนก็อาจจะสั่นคลอนได้ 

ที่มา – Nikkei Asia

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา