ถือว่าท้าทายเป็นอย่างมากกับการยืนยันว่าสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้งาน 5 ล้านรายสำหรับ Rabbit LINE Pay เพราะตลาด E-Wallet นั้นแข่งขันกันสูง และการจะก้าวไปถึงเป้าผู้นำตลาดนี้ภายในปี 2564 ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่ๆ
ยอด 5 ล้านผู้ใช้งานปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
หลัง AIS ประกาศเข้ามาร่วมลงทุนใน Rabbit LINE Pay เมื่อต้นเดือนมี.ค. ก็ทำให้ตลาด E-Wallet นั้นลุกโชนขึ้นอีกครั้ง นั่นก็เพราะเมื่อมีการลงทุนครั้งใหญ่เข้ามา ทำให้ผู้เล่นในตลาดหน้าเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น TrueMoney, AirPay และรายย่อยอื่นๆ ต่างตื่นตัว และเตรียมรับน้องกับทุนใหญ่ครั้งนี้กันเป็นเรื่องปกติ
แถมการรวมกันของ 3 ยักษ์ใหญ่ตั้งแต่ AIS, กลุ่ม BTS และ LINE ก็ทำให้งานหนักตกมาอยู่กับ “สุรัจ พฤกษ์บุณยไชย” หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Rabbit LINE Pay ที่ต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ มาเพิ่มจำนวนผู้ใช้ให้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งคงไม่พ้นการเติบโตก้าวกระโดด และไล่แซงเบอร์หนึ่งให้ได้ในเวลาที่กำหนด
“ปีนี้ Rabbit LINE Pay หวังว่าจะได้ผู้ใช้ 5 ล้านรายภายในปีนี้ จากเดือนมี.ค. เรามีอยู่ 3 ล้านราย ซึ่งจะทำได้นั้นก็ต้องขยายบริการใช้จ่ายให้ได้มากกว่าเดิมที่มีอยู่กว่า 9,000 ร้านค้า และต้องหาวิธีได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ หนึ่งในนั้นคือการขยายไปในต่างจังหวัดมากขึ้น เพราะนอกกรุงเทพเรายังใช้จ่ายได้น้อย” สุรัจ กล่าว
เจาะตลาดท่องเที่ยวบูมผู้ใช้ไทย-เทศ
สำหรับการไปต่างจังหวัดนั้นนอกจาก Rabbit LINE Pay จะตามเชนร้านอาหารรายใหญ่ไปในต่างจังหวัด ยังมีแผนขยายตลาดโดยเจาะไปที่สถานที่ท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับฐานผู้ใช้หลักที่อยู่ในกรุงเทพฯ เวลาไปท่องเที่ยว รวมถึงขยายกลุ่มผู้ใช้ชาวต่างชาติที่ยังไม่เคยใช้งาน LINE ให้รู้จักแอปพลิเคชั่นนี้มากขึ้น
ล่าสุดเข้าไปร่วมมือกับสวนน้ำ Cartoon Network Amaone ที่พัทยา เพื่อนำระบบชำระเงิน Rabbit LINE Pay ไปติดตั้งในสวนน้ำ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถซื้อตั๋วเข้าใช้บริการ และซื้อสินค้า รวมถึงอาหาร ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ใช้เวลาพัฒนาระบบราว 5 เดือน และถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าไปรุกตลาดสถานที่ท่องเที่ยว
“หากโครงการนี้มีผลตอบรับที่ดี การรุกตลาดสถานที่ท่องเที่ยวก็จะขยายไปมากขึ้น โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ เช่นเชียงใหม่, นครราชสีมา และภูเก็ต จนทำให้กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวกลายเป็นอีกช่องทางชำระหลักของ Rabbit LINE Pay ส่วนเรื่องใช้โทรศัพท์มือถือชำระเงินในส่วนน้ำแล้วตัวเครื่องจะมีปัญหาหรือไม่ ส่วนตัวไม่ค่อยห่วงเท่าไร”
2564 ต้องเป็นเบอร์หนึ่งตามเป้าหมาย
ส่วนเป้าระยะยาวของ Rabbit LINE Pay คาดว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดภายในปี 2564 ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ เรื่องช่องทางชำระเงิน และบริการที่หลากหลายต้องมีมากกว่านี้ จึงต้องเร่งสื่อสารให้ผู้ใช้ในระบบ LINE ที่มีกว่า 42 ล้านคน และ AIS อีก 40 ล้านเลขหมาย รวมถึงผู้ถือบัตร BTS Rabbit อีก 8.5 ล้านรายมาใช้ให้ได้มากที่สุด
“ตอนนี้การแข่งขันมันหนักมาก และเราเป็น 5 อันแรกของตลาด E-Wallet ในประเทศไทย ทำให้เราต้องเร่งขยายช่องทาง และโปรโมชั่นที่หลากหลายกว่านี้ เพื่อกระตุ้นการเข้ามาใช้งานใหม่ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับรักษาการใช้งานของผู้ใช้เดิมเช่นกัน ซึ่งเรื่องทั้งหมดมันไม่ง่ายเลย เพราะคู่แข่งก็เร่งทำตลาดเช่นกัน”
ทั้งนี้เมื่อปีที่ผ่านมา TrueMoney ผู้ครองตลาด E-Wallet ในประเทศไทยมายาวนาน มียอดผู้ใช้งานทั้งหมด 8 ล้านราย เป็นผู้ใช้ Active 4 ล้านราย เยอะกว่า Rabbit LINE Pay เป็นเท่าตัว ไหนจะ AirPay ของ SEA (Garena เดิม) ก็ทำตลาดต่อเนื่อง ดังนั้นการขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของ Rabbit LINE Pay คงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่ๆ
สรุป
การแข่งขันของธุรกิจ E-Wallet ยังคงดุเดือดต่อเนื่อง และมีบางรายก็ยอมถอยออกจากตลาดไปบ้างแล้ว ดังนั้นคนที่อยู่ในตลาดก็คงต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะชนะในตลาดนี้ ส่วน Rabbit LINE Pay จะเข้าวิน และแซง TrueMoney ได้หรือไม่ คำตอบคงอยู่ที่ความชอบของผู้บริโภคว่าจะเลือกแบบไหน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา