ลาก่อน mPay เมื่อ AIS ลงทุนร่วม Rabbit LINE Pay รวมกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้ที่เดียว

ความเปลี่ยนแปลงในวงการ e-Wallet ล่าสุด คือการที่ mPay โดย AIS เข้าลงทุนร่วมกับ Rabbit LINE Pay และกลายเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกัน 3 รายที่ 33.33% เท่ากัน โดยประกอบด้วย AIS, Rabbit และ LINE

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป ของ AIS บอกว่า ผลของการร่วมลงทุนครั้งนี้ ต่อไปจะไม่มีบริการ mPay อีก แต่บริษัท e-Wallet จะเข้าไปอยู่ใน my AIS แทน กลายเป็นแหล่งรวมบริการของ AIS ในขณะเดียวกัน ก็สามารถเข้าผ่าน Rabbit LINE Pay ได้ด้วย คือ เข้าได้ทั้ง 2 ทาง แต่กระเป๋าเงินเดียวกัน

“ผู้ใช้ที่ย้งใช้แอพ mPay อยู่ สามารถใช้งานต่อไปได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้ใช้ใหม่ บริการจะไปอยู่ใน my AIS หรือจะเข้าผ่าน Rabbit LINE Pay ก็ได้ แต่เป็นกระเป๋าเดียวกัน”

ลาก่อน mPay หลังจากให้บริการมากว่า 10 ปี

สำหรับ mPay ให้บริการมามากกว่า 10 ปี มีผู้ใช้ดาวน์โหลดประมาณ 3 ล้านราย เป็น Active User ประมาณ 5 แสนราย แต่ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ใช้ที่ทำรายได้หลักให้ mPay คือลูกค้า B2B มากกว่าผู้ใช้ทั่วไป ดังนั้นการร่วมมือระหว่าง AIS และ Rabbit LINE Pay จึงไม่ใช่เพื่อเพิ่มรายได้ แต่เป็นการขยายธุรกิจเพื่อบริการในอนาคต

และจากความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ mPay จะค่อยๆ ลดบทบาทจนหายไปในที่สุด และบริการจะไปอยู่ใน my AIS แทน โดยการร่วมลงทุนครั้งนี้ มีการเพิ่มทุนประมาณ 787 ล้านบาท โดยทาง AIS ชำระ 599 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็น Rabbit และ LINE เพิ่มเงินเข้ามา ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเท่ากัน

  1. mPay 33.33%
  2. LINE Pay Corporation และ บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด 33.33%
  3. บริษัท แรบบิทเพย์ ซิสเทม จำกัด 33.33%

สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ CEO ของ AIS บอกว่า ความร่วมมือครั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่คู่แข่งในตลาด แต่เป็นพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่ง AIS เชื่อว่า ภายใน 3 ปี Rabbit LINE Pay มีศักยภาพจะเติบโตขึ้นเป็น e-Wallet อันดับ 1 ของตลาดได้

ปัจจัยเสริมสำคัญคือ AIS มีผู้ใช้บริการ 40 ล้านรายมากที่สุด มีร้านค้าใช้ระบบ mPay ในการรับชำระเงินประมาณ 15,000 ร้านค้า ผู้ใช้ LINE มี 42 ล้านรายในไทย และ Rabbit มีผู้ใช้บริการบัตรรถไฟฟ้า 8.5 ล้านราย ที่สามารถต่อยอดมาใช้แอพได้ ถ้านับเฉพาะ Rabbit LINE Pay ปัจจุบันมีผู้ใช้ 3 ล้านราย มียอดธุรกรรมสูงสุด 1.5 ล้านครั้งใน 1 วัน

เปรียบเทียบสถานการณ์กับคู่แข่ง TrueMoney

สำหรับคู่แข่งหลักของ mPay เดิม หรือ Rabbit LINE Pay ในปัจจุบัน คือ TrueMoney ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 8 ล้านราย และมีผู้ใช้งานประจำ หรือ Active User 4 ล้านราย ซึ่งถือว่าสูงมากในกลุ่มผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank)

จุดแข็งสำคัญของ TrueMoney คือ การใช้บริการที่ 7 ELEVEN ได้ รวมถึงการจัดกิจกรรมมาตลอด เช่น การแจกอั่งเปารับปีใหม่จีน, การแจกของขวัญคริสมาสต์ หรือ การบริจาคเงิน โครงการก้าวคนละก้าว ทำให้ผู้ใช้คุ้นเคยกับการใช้งานโดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคารมาเกี่ยวข้อง

ก่อนหน้านี้อาจจะน่าเสียดายไปบ้างที่ mPay แทบจะหยุดการทำตลาดไป ทั้งที่มีฐานลูกค้า AIS จำนวน 40 ล้านรายเป็นกลุ่มเป้่าหมายหลัก ขณะที่ผู้ให้บริการอีกรายคือ dtac ที่ถอยออกจากตลาดไปก่อนหน้านี้

โปรโมชั่น จ่ายค่ามือถือด้วย Rabbit LINE Pay ในแอพ my AIS ลด 10% หรือสูงสุด 50 บาท ภายใน เม.ย. นี้

สรุป

จับตาดูความเปลี่ยนแปลงของ Rabbit LINE Pay ได้เลย ใน 2-3 สัปดาห์นี้ จะเกิดการรวมกระเป๋าเงิน e-Wallet เป็นที่เดียวกัน แม้จะเข้าจากต่างช่องทาง จะสามารถใช้จ่ายเงินได้หลากหลายมากขึ้น และอนาคตอาจมีการเปลี่ยนชื่อบริษัท หรือ ชื่อบริการใหม่ จาก Rabbit LINE Pay เพราะมี AIS เข้ามาเกี่ยวด้วยอีกราย

และอีกสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือ ใครที่ใช้ Rabbit LINE Pay อยู่ ไม่ว่าจะใช้บริการมือถือของค่ายไหน ก็เหมือนใช้ mPay เดิมไปด้วยในตัว

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา