Selfie ถอยไป! เทรนด์ถ่ายภาพยุคนี้ต้อง Plandid เผลอๆ ไม่ตั้งใจ แถมเอาไปทำการตลาดได้ด้วย

เหล่าเซเลบใน Instagram ทุกวันนี้ไม่ Selfie กันแบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว เขาหันไปทำสิ่งที่เรียกว่า Plandid คือถ่ายภาพออกมาให้ดูเผลอๆ ไม่ตั้งใจ แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยอะไรมากมาย Brand Inside ชวนไปอ่านเทรนด์ Plandid ลากยาวไปถึงการตลาดผ่านรูปถ่ายบน IG

Photo: IG fourfeetnine

ทำความเข้าใจ Plandid กันก่อน

โดยปกติแล้วอย่างที่เข้าใจกัน “Candid” คือการถ่ายภาพโดยวัตถุที่ถูกถ่ายไม่รู้ตัว หรืออาจเรียกว่าเป็นการถ่ายตอนเผลอเพราะอยากได้เป็นความธรรมชาติ

ส่วน “Plandid” คือ การผสมคำระหว่าง “Plan + Candid” อาจแปลแบบรวมความได้ว่า เป็นการถ่ายภาพให้ดูไม่ตั้งใจ (แต่จริงๆ ก็ตั้งใจกันทั้งนั้นแหละ)

Photo: IG bellahadid

ทำไม Plandid ถึงฮอตฮิต?

ทุกวันนี้ เหล่าบรรดาเซเลบใน Instagram (IG) ต่างพากันลงรูปภาพแบบ Plandid กันเป็นว่าเล่น ส่วนเทรนด์ Selfie แบบเดิมๆ ที่เคยฮิตนั้นแทบจะเรียกได้ว่าตกยุคไปแล้ว

Andrea สไตล์ลิสคนหนึ่งใน New York บอกว่า “ในช่วง 2 – 3 ปีมานี้ รูปภาพที่ถ่ายแบบมีการจัดฉากไว้อย่างดี (planned photo) ได้ผลตอบรับน้อยกว่ารูปภาพแบบ Plandid เพราะแม้ว่ารูปภาพแบบ Plandid จะมีการจัดฉากมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อผู้คนมองเห็นรูปภาพนั้น พวกเขาจะจินตนาการได้ว่า ตัวเขาเองกำลังทำสิ่งเดียวกับภาพนั้นๆ นั่นเอง”

นอกจากนั้น ถ้าไปดู News Feed บน Instagram ตอนนี้จะพบว่ารูปภาพแนว Plandid ไม่ได้นิยมในหมู่คนดังเท่านั้น คนทั่วไปก็ทำกัน เพราะว่า “มันทำให้ลุคของคุณดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น”

“เพื่อนๆ ของคุณไม่ได้ต้องการเห็นภาพคุณในท่าเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า … มันน่าเบื่อจะตาย”

ในโลกยุคที่แพลตฟอร์มรูปภาพออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Snapchat, Instagram Live และ Instagram Stories ต่างมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบระเบียบ ทำให้เสน่ห์ของรูปภาพแบบเดิมๆ หายไป ผู้คนเรียกร้องความ(รู้สึก)เป็นธรรมชาติของรูปถ่ายมากขึ้น แต่คำว่าธรรมชาตินี้ไม่ใช่การยกกล้องขึ้นมาถ่ายเหตุการณ์สดๆ ตรงหน้า หากแต่มันคือการจัดฉากให้ดูเป็นธรรมชาติ และนั่นก็คือ Plandid ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้นั่นเอง

Photo: IG kyliejenner

อยากถ่ายรูปแนว Plandid บ้าง ต้องทำอย่างไร?

  • เริ่มแรกเลยการถ่ายแบบ Plandid ควรถ่ายคนเดียว จะคอนโทรลได้ง่ายที่สุด เพราะถ้ามีหลายคนจะได้ความรู้สึกไม่ธรรมชาติ แม้ว่าจะทำท่าเผลอ ไม่มองกล้อง แต่มันจะดูเสมือนว่าได้มีการตระเตรียมกันมาก่อนล่วงหน้า
  • ต้องมีช่างภาพที่ดี คำว่าช่างภาพที่ดีหมายความว่า ช่างภาพคนนั้นต้องถ่ายภาพของคุณให้ออกมาเหมือนกับว่า “คุณไม่ได้อยากจะถ่ายภาพนั้นเลยสักนิด”
  • ต้องเป็นภาพที่ดูไม่เป็นระเบียบมากนัก อันนี้รวมถึงสายตา ท่าทาง และวัตถุสิ่งของรอบๆ ตัวด้วย แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องผ่านการวางแผนอย่างหนักเพื่อทำให้ไม่เป็นระเบียบ เพราะไม่เช่นนั้นจะดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • รูป Plandid ที่ทำง่ายที่สุด คือรูปที่การมองพื้นตอนทำท่ากึ่งเดิน (แต่อย่าเดินจริงเป็นอันขนาด ต้องแสร้งเดิน ค่อยๆ ก้าวเท้า ภาพจะออกมาสวยกว่า)
  • และอีกท่าที่ทำได้ง่ายๆ คือ ให้มองออกไปข้างนอก (อย่ามองกล้องเป็นอันขาด) แล้วก็ทำท่ากึ่งหัวเราะออกมาเบาๆ
Photo: IG cmcoving

Pandid กับการตลาดยุคนี้ใน Social Media

การทำการตลาดในยุุคนี้ สมมติว่าคุณต้องการให้สินค้าไปปรากฏอยู่บนออนไลน์ อาจจะผ่านคนดัง เซเลบ หรือ influencer ก็แล้วแต่ หากคุณนำสินค้าไปให้พวกเขาถือ แล้วโพสต์ลง IG หรืออาจจะถ่าย Selfie แล้วหยิบผลิตภัณฑ์ถือไว้ข้างๆ ใบหน้า บอกได้เลยว่า การตลาดของคุณจะประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะมัน “น่าเบื่อ”

ทีนี้ ถ้าคุณให้พวกเขาถ่ายภาพแบบ Plandid แล้วเอาสินค้าไว้วางตรงจุดไหนสักจุดหนึ่งในรูปภาพ ตั้งวางไว้แบบไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นระเบียบ (แต่คุณต้องตั้งใจจัดวางสินค้าให้ดี) รับรองได้ว่าวิธีการนี้จะได้ผลมากกว่า เพราะมันน่าสนใจกว่าวิธีการเดิมๆ

แต่ต้องไม่ลืมว่า “การทำการตลาด ถ้าคุณขายความเป็นธรรมชาติได้ คุณทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าคุณไม่ได้กำลังขายของให้พวกเขาได้ คุณประสบความสำเร็จ และ Plandid ก็คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักการตลาดต้องรู้และต้องใช้ให้เป็น”

การแสดงออกให้ดูธรรมชาติภายใต้การจงใจจัดฉากถ่ายภาพคือ “หัวใจ” ของ Pandid และถ้ามองไปในเรื่องการตลาดด้วย หลักการนี้เองคือการทำให้สินค้าของคุณจะได้รับการจดจำอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

อ้างอิง – MIC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา